วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

รักทรมานเพราะความสัมพันธ์ซ้อน

คำถาม: ทำไงให้ทรมานน้อยที่สุดคะ เมื่อเขารู้ว่าเรารัก แต่เขามีเจ้าของแล้ว และอยากให้เราเป็นเพื่อนกันต่อไป

ก่อนตอบคำถามขอฉายภาพรูปแบบความสัมพันธ์ที่รองรับความคาดหวังของผู้คนก่อนเล็กน้อย
กติกาสำคัญของความรักกำหนดจำนวนคนที่จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบโรแมนติคไว้น้อยมาก คือต้องเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนเท่านั้น และคนสองคนในความสัมพันธ์ต้องมีใจเดียวคือรักคนที่เป็นคู่เท่านั้น รักคนอื่นเพิ่มอีกไม่ได้

กติกาเช่นนี้ทำให้การมีคนในความสัมพันธ์เกินสองคนกลายเป็นเรื่องอึดอัด เจ็บปวดและเป็นบาปผิด หรือการได้รู้ว่าคนที่รักไม่ได้มีเราคนเดียวในใจก็ทำให้เจ็บสุด ๆ ได้อีกเช่นกัน

กติกานี้กำกับความคาดหวังและการดำเนินความสัมพันธ์ของเราอย่างเข้มงวด แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเชื่อฟังเป็นอันดี ใจคนเป็นอะไรที่กำกับยากนัก เราจึงได้เห็นการมีรักใหม่กับคนใหม่ไม่ว่ารักเก่าจะจางหรือไม่จางและการซ้อนกันไปมาของความสัมพันธ์ของคนหลายคู่

คำถามข้างต้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด คนจำนวนไม่น้อยน่าจะเคยเป็นเส้าใดเส้าหนึ่งในสถานการณ์สุดคลาสสิคนี้

อยากชวนเจ้าของคำถามลองคิดตามเล่น ๆ ไปด้วยกัน เชื่อว่าอย่างน้อยการคิดไปด้วยกันนี้น่าจะทำให้เวียนหัวมึนงงลืมความทรมานไปได้ชั่วคราวอย่างแน่นอน

ขอเริ่มต้นที่ตัวคนถามที่ไปรักคนที่ “มีเจ้าของแล้ว” ซึ่งน่าจะแปลว่าแต่งงานหรือมีแฟนแล้ว และกำลังทรมานกับสถานการณ์ของความสัมพันธ์ซ้อน เชิญชวนให้คิดถึงความรู้สึกทรมานที่ว่านี้กันดีกว่า

เป็นไปได้ไหมว่าความรู้สึกทรมานมาจากความตระหนักว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้ไม่ “สมรัก” ตามกติกาและความคาดหวังว่าด้วยความรัก

เรามักเอาความรักแบบโรแมนติคไปร้อยเป็นเรื่องเดียวกับความสัมพันธ์และการแต่งงาน การสมรักจึงต้องครบองค์ประกอบคือ คนที่เรารัก-รักตอบเราด้วย ได้เป็นแฟนกัน และเริ่ดสุดคือได้ครองคู่กันตามกฎหมายและประเพณีให้โลกได้รับรู้ด้วย

เพราะอย่างนี้เราจึงไม่สามารถจะทนกับการได้รักโดยไม่ต้องครองคู่ได้ การรักโดยไม่เดินต่อไปมีความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งทำร้ายใจคนมากมายที่มองขั้นตอนความรักและการสมรักแบบครบองค์ประกอบ

เรายังคาดหวังให้คนรักและความสัมพันธ์ตอบสนองอะไรต่ออะไรหลายอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาร่วมกันแบบไม่เปิดโอกาสให้เหงา การเป็นเพื่อนคู่คิด การรองรับอารมณ์ ฯลฯ ความคาดหวังทำนองนี้ทำให้การให้เวลา ความเข้าใจและความเอื้ออาทรกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ อาการทรมานของคนจำนวนไม่น้อยเป็นเพราะไม่ได้บางอย่างหรือทุกอย่างตามรายการที่คาดหวังว่าจะได้จากคนที่รักเรา

ถ้าบังเอิญเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ซ้อนที่คนรักไม่สามารถให้เวลาหรือเอื้ออาทรได้เต็มร้อยตามคาดหวังก็ยิ่งทำให้ทุกข์หนัก การมีความสัมพันธ์ซ้อนโดยไม่เป็นทุกข์จึงต้องลด-ละ-เลิกความคาดหวังหลายประการเกี่ยวกับการใช้เวลา การดำเนินความสัมพันธ์ และองค์ประกอบครบสูตรของความสัมพันธ์ ถ้าเรียกร้องหรือคาดหวังจากความสัมพันธ์ซ้อนแบบที่คาดหวังจะได้จากความสัมพันธ์ตามกรอบกติกา ความปวดหัวปวดใจก็จะตามมาและสร้างความทรมานมากบ้างน้อยบ้างไปเรื่อย ๆ

การใคร่ครวญว่าคนรักในความสัมพันธ์ซ้อนยินดีจะให้เวลาเรามากน้อยเพียงไร และสามารถจะดูแลความรู้สึกเราได้เท่าที่เราคาดหวังหรือไม่เป็นเรื่องสำคัญ อย่าลืมว่าในความสัมพันธ์ซ้อนเวลาของคนรักต้องถูกแบ่งปัน สัดส่วนของการแบ่งปันในหลายสถานการณ์อาจทำให้บางคนรับไม่ได้
การเรียกร้องในสถานการณ์ที่คนถูกเรียกร้องไม่สามารถจะตอบสนองได้เพราะปัจจัยผูกพันอื่น ๆ ในชีวิต มักจะกลายเป็นการทำร้ายฝ่ายที่เรียกร้องหนักขึ้นไปอีก

ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ได้แปลว่าคนอยู่ในความสัมพันธ์ซ้อนไม่ได้ บางคนทำได้โดยปรับความคาดหวัง การเรียกร้อง และวิถีชีวิต คำถามคือคุณยินดีจะปรับเช่นนั้นหรือไม่ และปรับได้ไหม

เราสามารถรักได้โดยไม่ครอบครอง คนที่เรารักอยู่ในชีวิตเราได้หลายรูปแบบที่ไม่จำเป็นต้องเป็นการเป็นคู่รักหรือแต่งงานกัน ถ้าอยากจะเก็บคนที่เรารักไว้ก็อาจจะต้องคิดถึงการจัดที่ทางและรูปแบบความสัมพันธ์ที่พอเหมาะ รูปแบบที่ว่านี้ต้องคิดใคร่ครวญว่าอย่างไรใจตัวเองจะรับไหว

คนมากมายอึดพอจะอยู่กับความสัมพันธ์ซ้อนไปได้ระยะหนึ่ง บางคนปรับใจและความคาดหวังให้อยู่กับความสัมพั้นธ์นอกกรอบไม่ครบองค์ประกอบได้ บางคนทรมานใจสุด ๆ เพราะไม่ปรับใจหรือปรับใจไม่ได้

การเก็บคนรักไว้ในชีวิตในฐานะเพื่อนฟังดูดี แต่ยากมากโดยเฉพาะในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นคนรักไปเป็นเพื่อน การตัดใจจากรักต้องอาศัยระยะห่างเพื่อการปรับใจ การพัวพันนัวเนียไปมาทำให้การทำใจแทบจะเป็นไปไม่ได้ สูตรสำเร็จของหลายคนที่ต้องการตัดใจคือหนีห่างหายหน้าไปให้ไกลพอและนานพอ เวลาจะทำให้เราเห็นได้เองว่าคน ๆ นั้นน่าจะมีที่ทางในชีวิตเราต่อไปหรือไม่ ในฐานะอะไร

ทำอย่างไรจึงจะทรมานน้อยที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ แทนที่จะเริ่มด้วยความต้องการของคนรัก น่าจะเริ่มจากการถามตัวเองว่าต้องการอะไรจากความสัมพันธ์ และที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างที่ต้องการหรือไม่ ฟังเสียงของตัวเองที่ตอบคำถามนี้ให้ดี บางทีคุณจะรู้ว่าควรจะทำอย่างไรความทรมานที่เผชิญอยู่จะลดลงได้

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

แม่นาคพระโขนงเวอร์ชั่นแม่บ้านชนชั้นกลาง+รักโรแมนติค

ข้าพเจ้าตามนักศึกษาวิชาการเมืองในนวนิยายของ ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ไปทัศนศึกษาศาลแม่นาคพระโขนงที่วัดมหาบุศย์ ได้เห็นอะไรน่าสนใจที่อยากตั้งข้อสังเกตอยู่หลายประการ


ศาลแม่นาคมีคนไปทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะการขออะไรบางอย่างจากแม่นาค ตั้งแต่ขอให้สมหวังในความรัก ขอให้ไม่โดนเกณฑ์ทหาร ขอหวย ฯลฯ การขอสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนภาพของแม่นาคที่คนต้นศตวรรษจดจำ

เรื่องราวของแม่นาคถูกเล่าซ้ำ ๆ ทั้งปากต่อปาก นิทาน/นิยาย ละครหลายรูปแบบและภาพยนตร์ พล็อตหลักของเรื่องกล่าวถึงหญิงทีคลอดลูกตายขณะสามีไปเป็นทหาร เมื่อสามีกลับมาบ้านโดยไม่รู้ว่าภรรยาตายก็อยู่เลยร่วมกัน การถูกปราบของเธอเป็นไปหลายรูปแบบตั้งแต่ถูกเรียกลงหม้อข้าวแล้วถ่วงน้ำ จนถึงการพ่ายแพ้ตอนสมเด็จพุทธาจารย์โต

องค์ประกอบหลักที่แม่นาคทุกเวอร์ชั่นต้องมีคือการยืดแขนเก็บมะนาวที่ตกใต้ถุนบ้าน อะไรประมาณนี้หลอนคนไทยต่อเนื่องมาหลายรุ่น

แต่กิจกรรมที่ได้เห็นที่ศาลแม่นาคสะท้อนความทรงจำเกี่ยวกับแง่มุมชีวิตที่ถูกบอกเล่าของเธอ ไม่ว่าการที่พ่อมากโดนเกณฑ์ไปเป็นทหาร เราจึงเชื่อว่าแม่นาคจะช่วยให้คนรอดพ้นจากการจับได้ใบแดง หรือช่วยให้คนสมหวังกับความรักเพราะเรื่องราวการให้ความสำคัญกับความรักแม้เมื่อตายไปของเธอ

ดูเหมือนเรื่องราวของแม่นาคที่ผูกใจและมีอิทธิพลต่อความทรงจำชนชั้นกลาง ณ เวลานี้ไว้ได้ น่าจะเป็นการตีความใหม่ที่ถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ของคุณนนทรีย์ นิมิบุตร ที่ให้ภาพแม่นาคที่คนในช่วงรอยต่อศตวรรษเข้าใจหรือเชื่อมโยงกับตัวเองได้

ภาพของแม่นาคในเวลานี้สอดคล้องกับนิยามความเป็นหญิงที่เชื่อมโยงกับความเป็นเมียและแม่ ที่ดำรงอยู่ในครอบครัวแบบชนชั้นกลาง (ประกอบด้วยสามี-ภรรยา-ลูก) ที่แยกขาดจากครอบครัวขยายเดิมและคนในชุมชน คล้าย ๆ กับอยู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดที่ต่างคนต่างอยู่ (เพราะอย่างนี้พ่อมากเลยไม่รู้ว่าเมียตายเมื่อกลับจากการไปเป็นทหาร เพราะชีวิตแยกจากครอบครัวเดิมและคนอื่นในชุมชน อะไรประมาณนี้คล้ายคลึงชีวิตคนเมืองชนชั้นกลางไม่น้อย ทำให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบวิถีชีวิตแม่นาคในช่วงเวลานี้เข้าใกล้ครอบครัวแบบ “ลัดดาแลนด์” อยู่มาก)

เรื่องราวของแม่นาคที่ถูกเล่าใหม่นี้ทำให้เธอดูไม่ต่างจากภาพของผู้หญิงและความเป็นหญิงของเพศวิถีกระแสหลักที่คนต้นศตวรรษที่ 21 คุ้นเคย ภาพของแม่นาคในความทรงจำร่วมสมัยน่าจะต่างกับภาพหญิงสามัญชนในช่วงชีวิตของแม่นาคเองอยู่ไม่น้อย เช่นพ่อมากตัวจริงน่าจะต้องไปอยู่บ้านเมีย แวดล้อมไปด้วยญาติฝ่ายเมียมากกว่าจะอยู่กันสองต่อสองแบบบ้านจัดสรรคนเมืองในเวลานี้ เพราะอย่างทำให้เข้าใจได้ยากที่เมื่อกลับจากเป็นทหารแล้วจะไม่รู้ว่าเมียตาย เพราะญาติเมียที่น่าจะต้องดูแลแม่นาคเมื่อคลอดลูกน่าจะบอกให้รู้

แม่นาคที่ถูกนำเสนอแบบแม่บ้านที่อยู่แยกจากครอบครัวเดิมของคน-เฝ้ารอรักนี้ ต้องรสนิยมคนในช่วงเวลาที่ความรักแบบโรแมนติคถูกให้ค่าสูงส่งจนกลายเป็นอะไรที่คนขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต ภาพของแม่นาคในหนังหรือละครออกอาการหญิงที่ยึดมั่นในรักแม้ความตายก็พรากให้จากกันไม่ได้ ความรักและห่วงผัวกลายเป็นสำนึกสุดท้ายก่อนตายที่ดึงให้เธอไม่ไปไหน

ฉากการร่ำลาระหว่างแม่นาคกับพ่อมากในตอนท้าย ๆ ของหนัง “นางนาค” (ฉบับนนทรีย์) 
สะท้อนการยึดเหนี่ยวชายที่เป็นที่รักแบบไม่ยอมปล่อย ภาพการเกาะกุมมือยึดไว้แม้ปลายนิ้วในเวลาที่ต้องพรากจากทำให้บางคนน้ำตาร่วงรินตามแม่นาค-พ่อมากไปด้วย รักโรแมนติคที่กลายเป็นโศกนาฏกรรมแต่ตอกย้ำกับคนดูว่ารักไม่มีวันตายสอดรับกับความเชื่อเกี่ยวกับความรักโรแมนติคของหลายคน

คนไม่น้อยที่ซาบซึ้งกับแม่นาคฉบับรักโรแมนติคลืมไปว่าตามเรื่องเธอเสียชีวิตไปก่อนที่ความรักจะจืดจาง ถ้าไม่ตายแล้วอยู่ร่วมกับพ่อมากตามวิถีแบบชนชั้นกลางในเวลานี้ อาจเบื่อกันและพาลทะเลาะกันบ้านแทบแตกอยู่เนือง ๆ ก็เป็นได้ ที่รักของเธอดูงดงามนักเพราะคนตายไปก่อนที่ความรักแบบโรแมนติคจะตาย

แม่นาคที่คนในเวลานี้จดจำจึงเป็นการจับพล็อตเก่าใส่ในบริบทและรายละเอียดร่วมสมัย ที่น่าสนใจคือคนมากมายพึ่งพิงแม่นาคหรือย่านาคของพวกเขาว่าจะช่วยเหลือได้ในเรื่องความรัก การเกณฑ์ทหาร ฯลฯ ตามเรื่องเล่าเวอร์ชั่นล่าสุดที่อาจจะต่างจากประสบการณ์ชีวิตของแม่นาคในเวลาของเธอมาก

ของที่ผู้คนเอาไปถวายหรือแก้บนก็สะท้อนรสนิยมร่วมสมัยอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายแบบ “ชุดไทยประยุกต์” (เท่าที่เห็นแขวนอยู่ในศาลแม่นาคมักเป็นชุดไทยจักรี) เครื่องสำอางค์นานาชนิด ของใช้เด็กอ่อน ของเล่นเด็ก ที่น่าจะต่างจากวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงเวลาที่แม่นาคน่าจะมีชีวิตอยู่มาก จนทำให้สงสัยว่าใครเป็นคนกำหนดหรือสื่อว่าแม่นาคชอบอะไร แบบไหน ที่เห็นได้คือการค้าขายและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับแม่นาคมากมาย แม่นาคจึงเกื้อกูลคนจำนวนไม่น้อยที่ขายของและให้บริการคนทีมาเยี่ยมเยียนเธอที่ศาล ณ วัดมหาบุศย์

คนมากมายช่วยกันสร้างภาพของแม่นาคตามเรื่องราวที่เขาได้ยินหรือได้ดู การเล่าเรื่องของเธอในเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ผลิตความเป็นแม่นาคแบบร่วมสมัยที่หล่อเลี้ยงความเป็นอมตะในรูปแบบที่เลื่อนไหลไปตามการตีความและความเข้าใจของคนแต่ละรุ่น

แม่นาคเป็นใคร ชีวิตของเธอเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึนบ้างที่พระโขนงอันเป็นที่มาของเรื่องเล่านี้บ้าง อาจไม่สำคัญเท่าการตีความและเล่าเรื่องของเธอ โดยปรับให้เข้ากับความเข้าใจและจินตนาการของยุคสมัย

แม่นาคจึงเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเล่า และเธอคงจะมีที่ทางในสังคมไทยไปอีกนานแสนนาน เพียงแต่ว่าความเป็นแม่นาคน่าจะเคลื่อนไปตามความเชื่อและความหมายของคนที่บอกเล่าและรับรู้เรื่องของเธอในแต่ละช่วงเวลา...