วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“ทวิตรัก” หมายเลข 16 – รักออนไลน์


มีคำถามส่งมาว่าด้วยการสานสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขอตอบให้ร่วมกันอ่าน+ร่วมกันคิด เพราะอาจจะสอดคล้องกับประสบการณ์ของหลายคนที่งงงันปนปวดใจกับการสร้างสัมพันธ์ออนไลน์

มีคนมา “ชวนคุย” ผ่านช่องทางสื่อสารอย่าง “WhatsApp” “Facebook” “MSN” ฯลฯ บ่อยๆ ครั้งละนานๆ ต่อเนื่องกัน เรียกว่าเป็นการ “คบ” กันหรือไม่ ทำไมหลายคนที่ชอบคุยกับเราผ่านช่องทางแบบนี้จึงไม่อยาก “คุย” กับเราตัวเป็นๆ ไม่ยอมโทรมาหา ไม่ยอมนัดเจอ อาการก้ำกึ้งแบบนี้แปลว่าอะไร เราเป็นคนพิเศษในชีวิตของเขาหรือไม่

ถ้าไม่ชอบอาการจะห่างก็ไม่ห่าง จะใกล้ก็ไม่ใกล้แบบนี้จะทำอย่างไรดี

เมื่อความสัมพันธ์ไม่ได้ดังใจ เรามักตั้งคำถามว่าทำไมเขาจึงไม่น่ารักกับเราในวิถีที่เราอยากให้เขาเป็นและทำ โดยไม่ถามตัวเองต่อไปด้วยว่ารู้คำตอบแล้วได้อะไร

คำถามที่ควรจะถามและใคร่ครวญน่าจะเป็นว่า เรารู้สึกอย่างไรกับท่าทีเช่นนั้น และควรจะจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร

เวลาที่ Social Media รุ่งเรืองเฟื่องฟูแบบนี้ คนมากมายใช้ช่องทางสื่อใหม่ในการติดต่อสานสัมพันธ์กับคนที่น่าสนใจ โดยมีข้อได้เปรียบคือการจัดการรักษาระยะห่างได้ตามความสะดวกของตัวเอง

เราเลยได้เห็นอาการใกล้ออนไลน์ – ห่างออฟไลน์ หรือสนิทสนมแบบเสมือนจริงโดยไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกันตัวเป็น ๆ อาการประมาณนี้ทำให้หลายคนจัดที่ทางไม่ถูกว่าคนที่ตัวเองใกล้ชิดในสื่อสังคมควรจะเป็นอะไรในชีวิตจริง

บางคนพอใจจะสนิทสนมและดำเนินความสัมพันธ์แบบเสมือนจริงนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะข้อจำกัดในชีวิตจริง (เช่นมีลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว – เรื่องนี้ดูจะเป็นข้อจำกัดหลักของชายชนชั้นกลางไทย ทำให้ไม่สานสัมพันธ์ออฟไลน์กับหญิงที่ตัวเองไปกระลิ้มกระเหลี่ยออนไลน์)

บางคนพอใจจะดี้ด้าออนไลน์โดยไม่อยากรับความรับผิดชอบและหน้าที่ปฏิบัติของการมีแฟนในชีวิตจริง ก็เลยรักษาระยะห่างในการติดต่อที่จะสร้างความยุ่งยากเกินความสะดวกที่ตัวเองจะยอมรับได้ เราเลยได้เห็นอาการแชทหวานฉ่ำแต่นิ่งสนิทไม่สานต่อแบบตัวเป็นๆ

อย่าลืมว่าโลกออนไลน์เป็นพื้นที่ให้เราหลบหนีจากปัญหา ความทุกข์และความไม่สมบูรณ์ของชีวิตประจำวัน อะไรที่ทำออนไลน์กับออฟไลน์จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกันอย่างสอดคล้อง

ในที่สุดแล้ว การพยายามหาคำอธิบายว่าทำไมคนจึงทำอย่างที่เขาทำอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้ ลองถามตัวเองดีไหมว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้เราเป็นสุขดีอยู่หรือ (ถ้าเป็นสุขคงไม่ถาม “ทวิตรัก” ลองนะ) ถ้าปวดหัวนักก็ถอยดีกว่า

แต่หลายคนก็ไม่สามารถจะถอยไปเฉย ๆ เพราะความเคยชินกับแบบแผนละครหลังข่าว ที่ต้องมีเริ่มต้นและฉากจบให้ชัดเจนรู้เรื่อง ก็เลยพยายามเคลียร์โดยบอกอีกฝ่ายว่า “ฉันจะไปแล้วนะ” โดยทั่วไปเมื่อได้ยินอะไรประมาณนี้ เราจะเห็นอาการยื้อตามมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ปวดหัวต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ

คนที่บอกคนรักว่าทนไม่ไหว ไม่อยู่ด้วยแล้ว มักจะยังไม่ถึงจุดแตกหักจริง เพราะถ้าจะไปก็คงไปเลยโดยไม่ต้องรอให้คนรักยินยอมเลิก

เวลาความสัมพันธ์ไม่เวิร์ค เราแต่ละคนเป็นฝ่ายตัดสินใจเดินจากไปได้เสมอ แต่มักจะรอให้อีกฝ่ายเลือกเดินจากไป

การเลิกกับคนรักต้องอาศัยแรงใจมากมาย ถ้าความสัมพันธ์ไม่เป็นสุขก็ถอยมาอย่ายื้อจะดีกว่าไหม เก็บแรงใจไว้จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกตัวเองจะดีกว่า

อันที่จริง ความสัมพันธ์แบบเสมือนจริงเช่นนี้น่าจะทำให้การเดินถอยห่างจากมาง่ายขี้น เพราะไม่ต้องเห็นหน้าเห็นตาปะทะสังสรรค์กันในชีวิตจริงให้ต้องลำบากใจ

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มแบบเสมือนจริงก็จบแบบเสมือนจริงบ้างคงดี Unplug/Offline หายไปไม่วนเวียน ถอยมาถนอมใจตัวเองจะดีกว่า

อย่าลืมว่าในความรัก-ความสัมพันธ์ ตัวเราไม่ได้หายไปไหนแม้จะให้ความสำคัญกับคนรักมากมาย ตัวเรา-ใจเราก็ยังสำคัญที่สุด ปล่อยให้แหลกสลายไปก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายดีขึ้นได้

อะไรที่มันเกิดออนไลน์ ก็ทิ้งไว้ในพื้นที่ออนไลน์ต่อไป ใช้ชีวิตออฟไลน์ให้เป็นสุขจะดีกว่า...