วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท้อง + ไม่พร้อม: เสรีภาพและความสามารถในการเลือกของพลเมืองไทย

เราอยู่ในเวลาที่คนเชิดชูและต่อสู้เรียกร้องเสรีภาพในการเลือกทางเลือกต่าง ๆ ในชีวิตของคน แต่กลับมีหลายเรื่องหลายราวที่คนหลายกลุ่มไม่ลังเลที่จะลดทอนเสรีภาพในการเลือกของคนอื่น โดยเฉพาะในเรื่องส่วนตัวที่ไม่ถูกมองเห็นหรือจัดว่าเป็นประเด็นทางการเมือง

ตัวอย่างโหด ๆ และสุดแสนอมตะของการเบียดขับเสรีภาพในอาณาบริเวณส่วนตัว ได้แก่การเลือกทางเลือกของคนที่เผชิญสถานการณ์ “ท้องไม่พร้อม”

ปรากฏการณ์ “ท้องไม่พร้อม” ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ประการคือ “การท้อง” และ “ความไม่พร้อม” ซึ่งมีแง่มุมน่าคิดว่าด้วยการเลือกและความสามารถในการเลือกของมนุษย์หลายประการ


การท้องของคนประกอบด้วยขั้นตอนที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอยู่หลายขั้น

·      การเลือกว่าจะท้องหรือไม่ และท้องกับใคร  วิวัฒนาการด้านการคุมกำเนิดเวลานี้มีประสิทธิภาพ สะดวกและราคาไม่สูงนัก แปลว่าเราอยู่ในเวลาที่คนควรจะเลือกได้ทุกครั้งการร่วมเพศว่าจะท้องหรือไม่ท้อง  แต่ก็ยังมีคนมากมายที่เผชิญสถานการณ์ “ท้องไม่พร้อม” โดยสาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือไม่รู้หรือเข้าไม่ถึงการคุมกำเนิด คำถามน่าคิดคือการรู้บ้าง/ไม่รู้บ้างหรือรู้ไม่เท่ากันว่าด้วยการคุมกำเนิดและเรื่องเพศที่ปลอดภัยนี้เป็นเพราะอะไร ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำที่ซับซ้อนอยู่แล้วของสังคมไทยอย่างไร 

ความสามารถในการเลือกว่าจะท้องเมื่อไร กับใคร อย่างไร กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิงและคนที่เกี่ยวข้อง โดยแนวทางกระแสหลักแบบไทยที่เน้นการ “ห้าม + อั้น” คือบอกให้คนรอไปมีเซ็กส์และท้องเมื่อแต่งงานแล้วเท่านั้น ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตทางเพศของคนมากมาย และการแต่งงานก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะทำให้การท้องที่เกิดขึ้นมีความพร้อมไปทุกกรณี

ประเด็นชวนคิดคือ ทางเลือก/การได้เลือก/และความสามารถในการเลือกของคนไม่เท่ากันว่าด้วยการท้อง

·   การเลือกว่าจะอุ้มท้องต่อไปเมื่อรู้ตัวว่าท้องหรือไม่ หลายกรณีที่ “ท้อง” มาเจอกับ “ไม่พร้อม” ในขั้นตอนนี้

อะไรบ้างที่ทำให้การท้องเกิดสภาพ “ไม่พร้อม” – เป็นไปได้ตั้งแต่การท้องเป็นผลมาจากรูปแบบเรื่องเพศ “นอกกรอบ” ของเพศวิถีกระแสหลัก (ที่นิยามความถูกต้องเหมาะสมของเรื่องเพศอย่างเฉพาะเจาะจงว่า ต้องเกิดในสถาบันการแต่งงาน แบบผัวเดียว-เมียเดียว เพื่อการเจริญพันธุ์เท่านั้น) เช่น ท้องนอกสมรส ท้องในวัยเรียน ฯลฯ

เรื่องเพศนอกกรอบถูกจัดเป็นบาปผิดใหญ่หลวง พร้อมการประณามที่รุนแรงมหาโหดชนิดที่หลายคน “ตายทางสังคม” ได้ คนไทยจำนวนไม่น้อยนิยมประณามเรื่องเพศนอกกรอบทันทีโดยไม่ดูที่มาที่ไป หรือองค์ประกอบเฉพาะของแต่ละเรื่อง ทำให้การออกนอกกรอบเรื่องเพศที่เกิดร่องรอยให้คนรู้เห็นได้กลายเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นถึงเป็นถึงตายได้ การประณามเช่นนี้ปิดทางเลือกและการเข้าถึงความช่วยเหลือและบริการที่จำเป็นของคนจำนวนมาก

แต่ความไม่พร้อมจำนวนมากไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยเดียว แต่เป็นการผสมปนเปของหลายเรื่องอย่างซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงที่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน ปัญหาความยากจนหรือข้อจำกัดทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงมากมายเลือกจะไม่อุ้มท้องต่อไปจนคลอด แม้ว่าเธอจะแต่งงานมีสามีอยู่ด้วยสอดคล้องตามมาตรฐานเรื่องเพศที่ถูกต้องของสังคม

ความพร้อมในการตั้งท้องของหลายคนอาจจะเปลี่ยนเป็นความ “ไม่พร้อม” ได้เมื่ออายุครรภ์ผ่านไป เช่นหญิงบางคนตั้งใจจะท้องและมีลูก แต่ท้องไปได้พักหนึ่งเธอถูกปลดออกจากงานเพราะวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบโรงงานของเธอ หรือบางคนเกิดปัญหาในความสัมพันธ์รุนแรงมาก ๆ จนทำให้ความพร้อมแต่เดิมกลายเป็นความไม่พร้อมไปได้

น่าสนใจว่าสังคมไทยมองไม่เห็นภาพความไม่พร้อมของการท้องที่สลับซับซ้อน แต่ท่องคาถาแบบเดิม ๆ ว่าการท้องไม่พร้อมเป็นเรื่องของวัยรุ่นใจแตก โดยไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า “ใจแตก” ที่ว่านั้นคืออะไร แท้ที่จริงซับซ้อนไม่แพ้ความไม่พร้อมของการท้องเลยทีเดียว

·      คลอดแล้วจะเลี้ยงเด็กที่เกิดมาหรือไม่ อย่างไร   ความไม่พร้อมด้วยปัจจัยมากมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจทำให้หลายคนเลือกจะไม่เลี้ยงทารกที่จะเกิดมา เพราะภาระเรื่องการเลี้ยงเด็กถูกจัดให้เป็นของ “แม่” ที่คลอดออกมาเป็นหลัก ความไม่พร้อมจะเลี้ยงทำให้คนเลือกทำอะไรได้หลายอย่าง ตั้งแต่ส่งต่อให้ครอบครัวของตัวเองเลี้ยงให้ไปจนถึงการทิ้งเด็ก ประเด็นเรื่องความไม่พร้อมของการท้องที่ทำให้ไม่พร้อมจะเลี้ยงเด็กด้วยนี้ สะท้อมการขาดความสามารถในการเลือกของคนตั้งท้องในขั้นตอนก่อนหน้านี้ด้วย

“ความไม่พร้อม” ที่มาประกอบกับการตั้งท้องของคนในหลายกรณี เป็นผลของปัจจัยมากมายทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การประณามและกดดันเรื่องเพศนอกกรอบ การกล่อมเกลาให้คนไม่ตระหนักรู้เกี่ยวกับความต้องการทางเพศรวมทั้งทางเลือกและความรับผิดชอบในทางเพศ การผลักภาระในเรื่องเพศและการเลี้ยงดูเด็กให้ผู้หญิง ฯลฯ

การคิดเรื่อง “ท้องไม่พร้อม” อย่างจริงจังจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในที่สุดแล้วรัฐและสังคมต้องรับภาระโดยตรงโดยอ้อมของสถานการณ์ท้องไม่พร้อมและการจำกัดทางเลือกของคน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ การเลี้ยงดูเด็ก และการจัดการกับปัญหาต่อเนื่องทางเศรษฐกิจและสังคมอันเนื่องมาจากคุณภาพของพลเมืองของรัฐที่จะตามมาในอนาคต ฯลฯ

กฎหมายและนโยบายที่อิหลักอิเหลื่อเกี่ยวกับทางเลือกเมื่อท้องไม่พร้อม อย่างการยุติการตั้งครรภ์ หรือข้อจำกัดเรื่องการเรียนหนังสือในโรงเรียน ทำให้ทางเลือกและการเลือกว่าจะจัดการกับสถานการณ์ท้องไม่พร้อมอย่างปลอดภัยของพลเมืองไทยไม่เท่าเทียมกัน เช่น คนจำนวนไม่น้อยเผชิญกับอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพอันเนื่องมาจากการทำแท้งไม่ปลอดภัย

คำถามพื้นฐานที่น่าคิดคือ การท้องประกอบด้วยขั้นตอนที่คนเลือกได้อยู่หลายขั้น ความไม่พร้อมมีองค์ประกอบเฉพาะเจาะจงในแต่ละกรณี ใครควรจะเป็นผู้เลือกว่าควรจะทำอะไร อย่างไร ในสถานการณ์ “ท้องไม่พร้อม” ถ้ารัฐและสังคมไทยจะทำหน้าที่เลือกให้พลเมืองในเรื่องนี้ ก็ต้องเตรียมบริการสาธารณะรองรับในขั้นตอนต่าง ๆ ของการท้อง คลอดลูก เลี้ยงลูก ซึ่งรัฐและสังคมเองไม่ยินดีที่จะทำ

สิ่งที่รัฐและสังคมไทยทำอย่างต่อเนื่องคือการจำกัดทางเลือกหลายทาง ทำให้การเข้าถึงทางเลือกที่ปลอดภัยเป็นไปได้ยากสำหรับคนหลายกลุ่ม การเป็นการสร้างและหล่อเลี้ยงความไม่เท่าเทียมในการเลือกของคนต่างชนชั้นต่างสถานะที่เผชิญสถานการณ์ท้องไม่พร้อม เพราะกำลังเงินและตำแหน่งแห่งที่ในสังคมทำให้บางคนเข้าถึงบริการที่ปลอดภัยได้ แต่คนอีกมากมายเข้าไม่ถึง

ในเวลาที่คนหลายกลุ่มในสังคมการเมืองนี้ให้ความสำคัญกับพลังอำนาจของพลเมือง เราน่าจะคิดใคร่ครวญถึงทางเลือกและความสามารถในการเลือกของพลเมืองที่เผชิญสถานการณ์ท้องไม่พร้อมด้วยเหตุและองค์ประกอบของชีวิตต่างกัน และถามตัวเองว่าในสถานการณ์เช่นนี้รัฐควรจะเลือกทางเลือกแทนพลเมือง เราแต่ละคนควรจะเลือกแทนคนอื่นผ่านการประณามโดยไม่ลืมหูลืมตาหรือไม่?

หรือเราควรจะเสริมสร้างพลังอำนาจของพลเมืองในการเลือกทางเลือกในง่มุมส่วนตัวยิ่งของเธอและเขา ถ้าเราให้คุณค่ากับเสรีภาพของคนอย่างจริงจัง

(ดัดแปลงมาจากบางส่วนของหนังสือ สิทธิ เพศ และกรรม: การโต้เถียงสาธารณะและทางเลือกเชิงนโยบายเรื่อง ท้องไม่พร้อม ของ ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ ที่อยู่ในขั้นตอนการตีพิมพ์)

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปราบหญิงร้าย - ชายลั้ลลาด้วยรักแท้??

คำถาม “หนูมีคำถามคาใจอยู่อย่างหนึ่งที่อยากจะรบกวนถามอาจารย์ค่ะ อาจารย์ว่า ความรัก สามารถจะเปลี่ยนแปลงสันดานของคนเราได้หรือไม่ค่ะ เช่นว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเป็นคนเจ้าชู เคยทำผู้หญิงท้อง เคยติดยา ติดการพนัน ฯลฯ จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทำคำสัญญากับหญิงที่ตัวเองรักได้มั๊ยคะ และการที่หญิงคนนั้นเชื่อในสิ่งที่ผู้ชายแบบนั้นพูด จะเป็นเพียงแค่อาการที่เรียกว่า ความรักทำให้คนตาบอด รึเปล่าคะ ทั้งที่รู้ว่าอะไรคือ สิ่งผิดถูก แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับตนเองแล้วกลับมองไม่เห็นมัน หนูรู้สึกว่านี่เป็นความน่ากลัวของการตกหลุมรักหรือเปล่าคะ?

คำถามนี้ทำให้นึกถึงพล็อตนิยายและละครไทยหลายเรื่องที่บอกเราว่า รักแท้ทำให้ผู้ชายลั้ลล้าเปลี่ยนเป็นคนรักเดียวใจเดียวและแสนดีกับคนรักได้ เข้าใจว่าหลายคนก็คงเชื่อหรือหวังอย่างนั้น ทำให้เกิดความพยายามของจะปราบหรือเปลี่ยนชายโฉด-หญิงร้ายด้วยรักแท้ของคนมากมายมาทุกยุคสมัย

แต่ความไม่ดีของคนมีเหตุเฉพาะเกินกว่าจะใช้คำอธิบายเดียวกันได้ เช่นคนที่ไม่สามารถจะมีความสัมพันธ์ที่ยืนยาว ต้องเคลื่อนที่จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง หรือไม่ยอมอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบกระแสหลัก (มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่งงาน รักเดียวใจเดียว ฯลฯ) เป็นไปเพราะหลายสาเหตุ

รูปแบบชีวิตที่เราพึงใจและเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงพอจะทำให้บางคนเล่นสนุกกับชีวิตนอกกรอบหรือออกแบบเอง หรือกายสังขารที่แข็งแรงพอจะดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร

มีตัวอย่างมากมายของคนไม่นิ่งในรักที่ยอมหยุดอยู่กับคนเดียวเป็นเวลานาน เมื่อองค์ประกอบของชีวิตที่เคยเอื้อต่อการไม่หยุดนิ่งเปลี่ยนไป อย่างความเสื่อมของสังขารทำให้เจ็บป่วยอ่อนแอลง ต้องการคนดูแล เลยยอมหยุดอยู่กับคนเดียวหรือเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบกระแสหลักเพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตยามชรา

บางคนยอมตามเพศวิถีกระแสหลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้ตัวเอง อีกหลาย ๆ คนเหนื่อยกับการเป็นขบถไปทุกเรื่อง ยอมตามวิถีชีวิตทางเพศในบางแง่มุมเพื่อให้หายเหนื่อย เป็นต้น

การยอมเปลี่ยนตัวเองจึงเป็นเรื่องการสนองประโยชน์ทางกาย ทางใจและจิตวิญญานที่ซับซ้อนของแต่ละคน ถ้าองค์ประกอบครบหรือมากพอหลายคนก็อาจเปลี่ยนแปลงได้

ภาพของคนที่ยอมหยุดหรือเปลี่ยนนิสัยในเรื่องความรักความสัมพันธ์ อิงอยู่กับเหตุทีหลากหลายนัก อาจสรุปแบบเหมารวมได้ระดับหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบและความต้องการในชีวิตทำให้คนสยบยอมต่อเรื่องเพศกระแสหลัก แต่พูดแบบนี้ไม่โรแมนติคแถมดูเห็นแก่ตัว พวกเปลี่ยนนิสัยเรื่องความรักจึงมีแนวโน้มจะอธิบายว่าหยุดหรือเปลี่ยนเพราะเจอรักแท้

คนเปลี่ยนไปได้ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเรียนรู้จากเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา ความต้องการเปลี่ยน หรือเพราะองค์ประกอบของชีวิตเปลี่ยน แต่จะเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละคน

คนเปลี่ยนเพราะความรักได้ไหม? ตอบเร็ว ๆ ว่าได้ในช่วงต้นของความรัก เมื่อรักยังสดและหวานพอ แต่เมื่อรักจางไปก็เปลี่ยนไปได้อีกหรือกลับไปเป็นอะไรคล้าย ๆ เดิมได้ ถ้าพัฒนาความผูกพัน มิตรภาพ หรืออะไรอื่น ๆ มาแทนที่รัก และสิ่งที่พัฒนาใหม่ตอบโจทย์ของเขา คนก็อาจอยู่กับตัวตนที่ปรับเปลี่ยนของเขาต่อไปได้ไม่มากก็น้อย

ปัญหาสำคัญคือแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคนจะเปลี่ยนตัวเองเพราะคนรักได้แค่ไหน และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะยั่งยืนหรือไม่ อะไรประมาณนี้บอกยากมาก ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง
แต่หลายคนก็เชื่อคนรักที่บอกว่าจะเปลี่ยนแง่มุมที่ไม่ดีในตัวเขา เพราะเขารักเราจริง ที่เชื่อเพราะอยากจะเชื่อและหวังอย่างสุด ๆ ว่าเขาพูดจริง ความเชื่อเช่นนี้จึงปนศรัทธาอยู่มาก

การเชื่อคำพูดแบบนี้เป็นเพราะใจอยากเชื่อและยอมที่จะเสี่ยง ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังเสี่ยง และมีความไม่แน่นอนว่าคนหนึ่งจะเปลี่ยนจากที่เขาเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนหรือนานแค่ไหน ก็คงจะพอจัดการกับชีวิตได้บ้างเมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นอย่างที่หวัง

ผู้หญิงที่เชื่อคำพูดของผู้ชายเรื่องการเปลี่ยนตัวเองทั้งที่รู้ว่าอาจโดนหลอกเป็นเพราะเธอศรัทธา ไม่น่าจะเป็นเพราะโง่ เว้นเสียแต่ว่าเราจะนิยามศรัทธาว่าคือความโง่แบบหนึ่ง

การเชื่อคำพูดของคนรักไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนมีความเสี่ยงอยู่ทุกเรื่อง จะยอมเชื่อหรือไม่นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าความสัมพันธ์นั้นยังเกื้อกูลตัวเราและใจเรามากน้อยแค่ไหน

ปัญหาคือหลายคนไม่ยอมออกจากความสัมพันธ์ที่ไม่เกื้อกูลใจตัวเอง ไม่ยอมปล่อยมือแม้รู้ว่าที่คนรักพูดไม่จริงอีกต่อไป และความรักที่เคยมีได้ดับสิ้นไปนานแล้ว เหลือแต่การยึดเหนี่ยวแบบไม่ยอมปล่อยต่างหาก

สรุปคือในความรักมีความเสี่ยง โปรดตระหนักว่าตัวเองกำลังเสี่ยง และเมื่อรู้ตัวว่ารักไม่เวิร์คก็ถอยให้ได้ ตัดใจให้เร็ว ความสามารถที่จะรู้ตัวและถอนใจทำให้การเสี่ยงอาจไม่เลวร้ายเกินไป...

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สละรักเพื่อเพื่อน? ทำอย่างไรเมื่อเรากับเพื่อนรักคนคนเดียวกัน

คำถาม "การรักคน คนเดียวกันของเพื่อน2คน ควรจะมีคนเลือกถอยไปเจ็บคนเดียวเพื่อความสงบหรือเปล่าครับ?" #ทวิตรักนอกรอบ (ตัดชื่อออกเพื่อให้คนถามสบายใจ)

ลองโยนคำถามนี้ผ่าน Twitter ปรากฏว่าหลายคนพร้อมจะฟันธงอย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไร สูตรสำเร็จของหลายคนคือยอมสละให้เพื่อน เก็บงำความรักความเจ็บไว้คนเดียว

อดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าการถอยหรือปล่อยมือเพื่อเพื่อนเมื่อตกหลุมรักคน ๆ เดียวกับที่เพื่อนรัก คือคำตอบสำเร็จรูปที่พึงทำและเป็นคำตอบที่เวิร์คจริง ทำไมคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าจึงวนเวียนอยู่กับคำถามเดิม ๆ นี้

เพื่อนรักไปหลงรักคนเดียวกัน เผชิญความไม่แน่นอนด้วยกันทั้งคู่ เพราะไม่รู้ว่าคนที่ต่างฝ่ายต่างไปรักจะรักใครตอบ หรือจะร่วมกันกินแห้ว คำถามก็คือถ้าอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนแล้วจะถอยทำไมเพราะอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้

หรือแท้ที่จริงสถานการณ์ที่ดูเหมือนรักสามเส้านี้ยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่เข้าใจกัน เพราะการซ้อนกันไปมาระหว่างมิตรภาพและการตกหลุมรัก ทดสอบหลายเรื่องที่มีค่าในชีวิตของเราพร้อมกัน

การตกหลุมรักมีความเสี่ยงว่าคนที่เรารักจะรักตอบไหม ถ้าสมหวัง (คือเขารักตอบ) ความสัมพันธ์อาจจะดีก็ได้ไม่ดีก็ได้ ไม่มีอะไรทำให้มั่นใจได้เต็มร้อย คงเพราะอย่างนี้ทุกขั้นตอนของการเริ่มรักไปจนถึงเลิกรักจึงเต็มไปด้วยความเครียดของคนที่เผชิญหน้ากับความคลุมเครือและไม่แน่นอนหลายต่อหลายเรื่องต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน

การจัดการกับความรักและความรู้สึกรักจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยพลังภายนอกภายในมากมายที่หลายคนไม่รู้ตัว

ถ้าการตกหลุมรักมีการแข่งขันแย่งชิงให้ได้มาเป็นองค์ประกอบ หลายคนยอมถอยเพราะเกรงว่าการแข่งขันนั้นจะกระทบอะไรต่ออะไรอีกมากมายในชีวิตที่มีผลต่อการอยู่ดีมีสุขของเราเอง เช่นการแย่งแฟน (โดยเฉพาะแย่งสามีหรือภรรยาชาวบ้าน) คนอื่นอาจทำให้โดนรุมประณามมากบ้างน้อยบ้างจนเน่าและเฉาได้

การแย่งชิงคนรักระหว่างเพื่อนยิ่งมีราคาทางใจและทางสังคมที่แพงแสนแพง

หลายคนถอยเพราะอึดอัดที่ต้องแข่งขันแย่งชิงกับเพื่อน ถ้าบังเอิญชนะก็อึดอัดหวาดกลัวว่าเพื่อนจะเสียใจ รับไม่ได้จนกระทบมิตรภาพที่มีคุณค่าในใจเรา ถ้าบังเอิญเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่เพื่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับความผิดหวังได้อย่างไร จะยังมีสติพอจะเข้าใจและเคารพการเลือกของคนรักที่เลือกเพื่อนไม่เลือกเราไหม หรือจะพาลโทษโกรษเพื่อนเพื่อลดทอนความรู้สึกเจ็บลึกให้เบาลง

บางทีเรารู้อยู่ลึก ๆ ว่าเหตุผลจะไม่ทำงานในสถานการณ์สมรักและผิดหวัง เราจึงไม่ยอมเปิดศึกสองด้านโดยการเผชิญหน้ากับบททดสอบว่าด้วยความรักและมิตรภาพไปพร้อมกัน

เป็นไปได้อีกเช่นกันว่าเราตระหนักถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เราเห็นว่าสำคัญในชีวิต เราจึงไม่อยากจะสมหวังหรือผิดหวังเพราะเกรงจะเป็นการทำร้ายเพื่อน

แง่มุมความเอื้ออาทรที่ถ่วงดุลเหตุผลและการฟาดฟันเพื่อเอาชนะที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวเรานี้เอง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยดูน่ารักและน่าสงสารไปพร้อมกัน

แต่การยอมถอยเพื่อเพื่อนก็ไม่น่าจะเป็นคำตอบสำเร็จรูปที่เหมาะกับทุกคน ทางเลือกที่ดีที่สุดของแต่ละคนน่าจะมาจากการใคร่ครวญว่าเราอยากจะให้คุณค่ากับอะไรและสละอะไรในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต และพร้อมจะรับผลระยะสั้นและระยะยาวของการเลือกนั้นอย่างกล้าหาญมากกว่า

แปลว่าบางคนอาจเลือกคนที่รักมากกว่าจะถนอมใจเพื่อน เพราะเชื่อว่าคนที่รักคือคนที่ใช่ ถ้าจะเลือกเช่นนี้ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่คนรักอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นอะไรที่ไม่ใช่ และการโกรธเคืองสุด ๆ ของเพื่อนที่ทำใจไม่ได้เมื่อช้ำรัก

ปัญหาคือหลายคนไม่อยากเลือกเพราะกลัวผลของการเลือก เลยยอมจะอยู่กับความอึดอัดเพราะการไม่เลือกหรือถอยทันทีโดยไม่ใคร่ครวญ โดยไม่รู้ว่าการไม่เลือกแท้ที่จริงก็คือการเลือกแบบหนึ่ง

เกิดเป็นคน ณ เวลาที่เชิดชูเสรีภาพสุด ๆ ก็แบบนี้แหละ การใช้เสรีภาพที่จะเลือกทางเลือกหลายอย่างในชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและปนความเจ็บปวด ไม่ใช่การเลือกโดยเสรีจะทำให้เราดี๊ด้ามีความสุขไปเสียหมด

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อำนาจของเพศวิถีกระแสหลัก

คำถามนศ.มธ.ว่าทำไมเขาไม่สามารถหลุดจากกรอบของเพศวิถีกระแสหลักได้ กรอบราชาชาตินิยมที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แต่หลายคนสามารถหลุดจากกรอบดังกล่าวและมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทำไมคนจึงหลุดจากกรอบนี้ได้ง่ายกว่าเพศวิถีกระแสหลัก?? ขอแบ่งปันคำตอบให้ได้ร่วมกันคิด

ข้าพเจ้าตอบคำถามนี้ในพื้นที่สาธารณะเพื่อชวนคิดต่อ ดังนี้

คนเราถูกตรึงอยู่โดย “กรอบ” หลายกรอบที่พยายามกำกับพฤติกรรมของเรา การยอมตามเป็นไปทั้งโดยวิธีการบังคับโดยความรุนแรง กฎหมาย แรงกดดันของสังคม ฯลฯ หลายครั้งที่การยอมตามเป็นเพราะความละมุนและแยบยลของการกำกับบังคับ

ยิ่งละมุนก็ยิ่งสยบยอมไม่ตั้งคำถาม ยอมทำตามกติกานั้น ๆ แม้จะต้องสละความต้องการและฝืนใจตนเอง ยอมเจ็บลึกน้ำตารินโดยอิ่มใจว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับและพร้อมสู้ตายเพื่อปกป้องกรอบที่บีบรัดเราโดยละมุน รวมถึงไม่ลังเลที่จะประณามคนอื่นที่ไม่ยอมทำตามกรอบ

“กรอบ” มากมายไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อ ค่านิยม หรือกำกับบังคับภายนอก แต่ถูกหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ “ตัวตน” ของเรา โลกของเราดูเป็นเช่นนี้ผ่านโยงใยซับซ้อนของกรอบเหล่านี้ การลืมตาขึ้นมองผลของการกำกับโดยกรอบในหลายเรื่องเจ็บปวดและสั่นคลอนโลกของเรานัก อยู่กับมายาของกรอบต่อไปสบายกว่าพยายามตัด/เฉือนบางส่วนของตัวตน ยิ่งประกอบกับความละมุนของกรอบด้วยแล้ว หลายคนไม่คิดแม้จะดิ้นให้หลุดจากกรอบ

หลายเรื่องใกล้ใจของเรา ทำให้กรอบทรงพลังเกินกว่าการตั้งคำถาม คนจำนวนไม่น้อยเคลื่อนไหวต่อสู้กับกรอบเพศวิถีกระแสหลัก (การแบ่งชาย – หญิงอย่างเข้มงวด และการจำกัดเซ็กส์ไว้ในการแต่งงานแบบผัวเดียว – เมียเดียว – รักเดียวใจเดียว ที่มีความรักแบบโรแมนติคเป็นฐานสำคัญ) อย่างแข็งขัน แต่ถูกกรอบเล่นงานสะบักสะบอมในชีวิต “ส่วนตัว” ไม่ว่าจะเป็นการคาดหวังและนิยามตนเองตามกรอบเมื่อมีความรักความสัมพันธ์ หรือถูกเรียกร้องบังคับให้เล่นบทตามกรอบโดยคนที่รัก เพราะอยากให้เขารักตอบหรือเพราะอยากรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้จบสิ้น ทำให้หลายคนดิ้นหนีกรอบเรื่องเพศได้ยาก

กรอบเพศวิถีกระแสหลักเป็นส่วนสำคัญที่ประทับเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา หลายเรื่องในกรอบใกล้ “ใจ” เรามาก ทำให้เรากระเพื่อมไหวรุนแรงโดยอารมณ์ + ความคาดหวังว่าด้วยความรักความสัมพันธ์ แต่กรอบเพศวิถีกระแสหลักก็ช่างละมุน สุขทุกข์เพราะรักและความสัมพันธ์ปนเปกันจนแยกไม่ออก กลายเป็นความหฤหรรษ์ปนเจ็บปวดที่หลายคนไม่อยากตั้งคำถามหรือลืมตามอง

กรอบความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ถามมานั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างตัวตนบนฐานความเป็นไทย กรอบที่ว่านี้เคยมีมนต์ขลังและแสนละมุนด้วยความเอื้ออาทรและเมตตา เป็นไปได้ว่ามนต์ขลังจะลดลงไปมากสำหรับคนที่จดจำความละมุนในอดีตไม่ได้ แต่เห็นการบังคับโดยเปิดเผยผ่านกฎหมายและการลงโทษเป็นหลัก การรวมศูนย์ของกรอบทำให้คนหลายกลุ่มมีแนวโน้มจะกล่าวโทษและโยนปัญหาทั้งหลายทั้งปวงในสังคมการเมืองนี้ไปที่ศูนย์กลาง องค์ประกอบประมาณนี้ทำให้คนหลายกลุ่มคิดว่าตนเองหลุดจากกรอบนี้แล้ว แต่คนอีกมากมายยังผูกพันตนเองกับกรอบที่เป็นศูนย์กลางของการนิยามตัวตนของพวกเขา โดยความทรงจำเกี่ยวกับความละมุนของกรอบเอง

เข้าใจว่ามนต์ขลังและความละมุนในการกำกับการเห็นโลกและพฤติกรรมของเรา + ความใกล้-ไกล “ใจ” ของกรอบทั้งสอง ณ เวลานี้ ทำให้บางคนคิดว่าการดิ้นหลุดจากกรอบเพศวิถีกระแสหลักเป็นไปได้ยากกว่า แต่การจะหลุดจากกรอบไหน อย่างไรขึ้นอยู่กับความเฉพาะเจาะจงของแต่ละคนด้วย

ที่น่าสยดสยองคือ คนที่คิดว่าตัวเองได้หลุดพ้นจากกรอบบางกรอบแล้ว อาจไม่ได้ตระหนักว่ากรอบที่ว่านั้นประทับตรึงเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน และออกอาการบีบบังคับให้เกิดอาการปางตายได้ในเวลาที่นึกไม่ถึง บางทีการด่วนสรุปว่าเราหลุดจากอะไรแล้วอาจทำให้การประเมินพลังของกรอบผิดไปมากก็ได้

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กระวนกระวายเพราะรักเธอ -- "ทวิตรัก" 11 กุมภาพันธ์ 2012

(หมายเหตุ: ข้อความทั้งหมดมาจาก Tweets ในวงแลกเปลี่ยน "ทวิตรัก" อาจจะดูห้วนไปบ้างสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับการสื่อสารครั้งละ 140 ตัวอักษรใน Twitter)


หลายคนเชื่อว่ารักคนที่ใช่ทำให้ใจเราเป็นสุขและสงบ แต่ประสบการณ์รักกลับเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มทุรนทุราย แปลว่ารักไม่เป็นหรือคนที่รักยังไม่ใช่?

ความไม่ชัดเจนว่าคนที่เราไปรักเขารักตอบไหม และการนิยามว่าสมหวังคือได้รับรักตอบและเข้าสู่ความสัมพันธ์ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยว้าวุ่นเมื่อแรกรัก

ระยะลุ้นรักกลายเป็นเวลาที่คนจำนวนมากน้อยจับตาและตีความทุกอย่างที่คนรักทำและพูดด้วยความระทึกใจ บางคนพึ่งหมอดูและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะอยากรู้

ความว้าวุ่นเพราะลุ้นรัก จะบอกรักหรือไม่ ไม่ยอมจบแต่เกิดต่อเนื่องไม่ว่าจะแห้วหรือเข้าสู่ความสัมพันธ์ ความกระวนกระวายกลายเป็นเงาของความรัก?

แม้เมื่อจะบอกเลิกหรือสงสัยว่าจะถูกบอกเลิกก็ทำให้หลายคนกระวนกระวายอย่างสุดๆ กลายเป็นว่ารักไม่ได้ทำให้ใจนิ่ง แต่วูบไหวไม่ยอมหยุด

"ทวิตรัก"" ชวนคุยเรื่องความกระวนกระวายกับความรัก ใครอยากเล่าเรื่อง บอกความรู้สึก หรือช่วยกันทำความเข้าใจ เชิญได้เลยค่ะ

@EllisaKoshinaka: ยิ่งรักใช่มากเท่าไหร่ยิ่งทุรนทุรายเพราะกลัวจะเสียสิ่งที่ใช่ไปหรือเปล่าคะ// นิยามรักเวลานี้ทำให้เรากลัวไม่ได้และกลัวสูญเสีย

@jip_sg: ผมมองว่ารักเหมือนธุรกิจ ที่หวังครอบครอง และการตอบแทนเท่าเทียม// คงเป็นเพราะการนิยามว่าอะไรคือสมหวังในรักทำให้คาดหมายแบบนั้น

RT @daiizyeye: ความกระวนกระวายเกิดขึ้นทุกเมื่อและทุกสถานการณ์ที่เรามีความคาดหวัง// ใช่ค่ะ ประเด็นคือกติการักทำให้เราหวังอะไร แบบไหน

RT @EllisaKoshinaka: รักเค้าแต่ไม่กล้าบอก จะถามก็กลัวเสียเพื่อนค่ะ// ปัญหาคืออยากชัดเจนแต่ก็ไม่กล้าทำให้ชัดเจน หรือเรากลัวความชัดเจนกันแน่

RT @onsarawutt: ในวันสุดท้ายที่ต้องแยกกัน (เรียนจบ) เธอบอกว่า "สักวันเมื่อแยกกันไปเราอาจจะเจอคนที่ดีกว่า"// แปลว่าได้หลายอย่างนะ

การบอกว่าให้โอกาสกันและกันเผื่อเจอคนที่ดีกว่า อาจเป็นการให้โอกาสจริงๆหรือเป็นการไม่ยอมทำให้เรื่องชัดเจนเกินไป เพราะไม่แน่ใจก็เป็นได้นะ

RT @jitpntc: ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ แต่ทำไมเรายังแสวงหาความรักและคนรัก :)// เพราะเราเชื่อรวมกันอย่างจริงจังว่าความรักเติมเต็มใจและชีวิตไง

อะไรต่ออะไรรอบตัว เช่นเทศกาลวาเลนไทน์ทำให้ความรักดูยิ่งใหญ่ เหมือนจะทำให้เราสุขใจ ไม่มีรักแปลว่าชีวิตไม่เต็ม คนเลยวิ่งหารักกันเป็นการใหญ่

เพราะอยากได้รักมาเติมเต็มชีวิต เชื่อจริงจังว่าไม่มีรักคือหดหู่อ้างว้าง ทำให้การไม่มีรักเป็นทุกข์  รักไม่เป็นอย่างใจก็เป็นทุกข์

RT @fwdmo: กระวนกระวายใจเพราะมีความไม่แน่นอน// น่าคิดนะว่าทำไมเราทนความไม่แน่นอนในความรักไม่ได้ ทุกข์เพราะกลัวความไม่แน่นอนมากกว่า?

RT @TORBCC: เพราะไม่ยอมทำความเข้าใจแต่ต้นว่า ความผิดหวังเป็นของคู่กับความรัก?// ประมาณว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็น??:)

RT @Tum_Marut: ต้องการให้คู้รักกระวนกระวายแสดงให้เห็นว่ารักยัง active อยู่// แต่ตัวเองไม่ยอมกระวนกระวาย เรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ?

RT @Panipui: ความรักคือการวางเงื่อนไข? คือผลประโยชน์ที่ลงตัวของคนสองคน?// เราอยากเป็นฝ่ายนิยามเงื่อนไข แต่ไม่ยอมรับเงื่อนไขที่อีกฝ่ายนิยาม

อย่าลืมว่าความรักมีใจเรา มีตัวตนของเราปะปนอยู่มาก จับให้ความรักนิ่งและไร้ใจก็ไม่น่ารื่นรมย์ แต่อยู่กับกติกาและความคาดหวังแบบนี้ก็ไม่รื่นรมย์

RT @gujee_gujee: ยังมีความว้าวุ่นเพราะไม่รักที่เกิดเพราะรู้สึกถูกกดดันจากความรู้สึกรักของอีกฝ่ายด้วยค่ะ// พวกรักเขาข้างเดียวโปรดทราบ!!

RT @jip_sg: ความรักแบบยอมเจ็บสุดท้ายก็ยังเจ็บลึกๆ เพราะต้องการครอบครอง// เพราะอยากครอบครองแต่ไม่ได้เลยเจ็บ พระเอกแบบปล่อยเธอให้เป็นสุขก็เจ็บ

RT @intrarattan: กระวนกระวายเพราะ"รัก"นี่ "หลง"นะครับ เพราะรักมันเหมือนต้องผ่านการศึกษา ใช้ระยะเวลา// รักแบบที่เรารู้จักมีความหลงเป็นหลักนะ

รักแบบโรแมนติคคือการตื่นใจกับความใหม่และลักษณะประทับใจที่เราคิดว่าอีกคนมี พอรู้จักกันเห็นกันชัดขึ้น รักเลยมักจางเพราะคนนั้นไม่ใหม่อีกต่อไป

RT @jitpntc: ความรักที่ชัดเจนก็กระวนกระวาย ความรักคลุมเครือก็กระวนกระวาย แล้วจุดสมดุลของรัก อยู่ตรงไหน มุมมองต่อรัก หรือข้อตกลงในคสพ.

RT @jn_bibie: เมื่อแรกรักก็รู้สึกว้าวุ่นอยากสมหวัง แต่สักพักก็เกิดกลัวที่จะเข้าสู่คสพ.// เพราะรู้ว่าการเข้าสู่คสพ.มีปัญหารอีกชุดรออยู่

RT @jitpntc:  อย่างนี้เรียกได้ไหม ว่าเราถูกกระแสโปรโมทความรัก ทำให้กระวนกระวายจนหลอนไป จนคิดว่ารักสำคัญเกินจริง

รักโรแมนติคอยู่คู่โลกมานาน แต่การให้ค่าและความคาดหวังเกี่ยวกับความรัก ณ เวลานี้น่าสนใจ เราทำให้รักมีค่าแต่ก็ไม่ยอมรับว่ารักเป็นเรื่องใหญ่

เรามองว่ารักที่มูลค่าพุ่งกระฉูดในเวลานี้เติมเต็มชีวิต แต่ก็ไม่ยอมใคร่ครวญเกี่ยวกับรัก คิดว่ามีเรื่องอื่นใหญ่/สำคัญกว่า เลยว้าวุ่นอยู่ที่เดิม

RT @Thanchy_Rw: หนูกลัวการมีความรัก กลัวว่าจะต้องเสียใจอีก ที่โสดก็ดีอยู่แล้ว แต่บางทีมันก็เหงา// กลัวความผิดหวังเพราะรักไม่ใช่กลัวรัก?

RT @daiizyeye:เราสามารถข้ามพ้นกรอบนี้ได้ไหมค่ะ  เช่นเชื่อและศรัทธาในกรอบของตัวเอง// ปัญหาคือคนที่เราไปรักอาจติดกรอบความรักแบบเดิมอยู่

RT @Going_Jasmine: จะดูได้ยังไงคะว่าเขารักเราจริงหรือแค่เล่นๆ// ไม่น่าจะมีสิ่งที่เรียกว่ารักจริงนะคะ เพราะรักแปรเปลี่ยนไปได้เสมอ

อะไรคือรักจริง? ยอมเพื่อคนรักได้ทุกอย่าง หรือรักไม่เปลี่ยนแปลง ถ้านิยามแบบนี้คงไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารักจริง เพราะไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป

นิยาม "รักจริง" ของเรากับของคนรักอาจมีเกณฑ์ต่างกันอยู่ คนที่ไม่รักเราอย่างที่เราอยากให้รักไม่ได้แปลว่าไม่รักเราจริงนะ แต่จริงแบบของเขาก็ได้

RT @Tum_Marut: ถ้า รักก็จะไม่รู้สึกว่าต้อง ทนถ้ากำลังรู้สึกว่า ทนก็แสดงว่า ไม่ได้รัก’// ถ้าคิดอย่่างนี้คงเข้าสู่คสพ.ไมได้

RT @saju423:  ความไม่ชัดเจนหรือไม่ยอมนิยามความสัมพันธ์ ทำให้กระวนกระวายขึ้นมั้ยครับ// บางทีความชัดเจนคือองค์ประกอบหนึ่งของนิยามรัก ณ เวลานี้

RT @jitpntc: การกระวนกระวายแค่ไหนขึ้นอยู่ว่าเราจัดวางความรักไว้อย่างไรในชีวิต มองว่ามันเล็กหรือใหญ่ ใช่ไหมคะ// การจัดวางและจัดการกับใจตัวเอง

เราเชื่ออย่างจริงจังว่าความรักคือฐานการสร้างคสพ. ศึกษาคนที่รักให้ดีก่อนสร้างคสพ.แล้วชีวิตจะปลอดทุกข์ แท้ที่จริงคสพ.คืออีกเรื่องหนึ่ง

RT @onsarawutt:  แต่ทำไมบางคนผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้จึงเฉยๆกับอารมเหงา// เพราะรู้ว่าความรักสำคัญแต่ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

RT @jitpntc:ฟังดูความรักไม่ได้สิ้นสุดแค่สมหวังในรัก เรารักกัน  แล้วจบ โลกสวยงาม ใช่ป่ะ :)// นีคือฉากจบของหนังรักที่เราคุ้นเคย

การเอาความรักไปเชื่อมกับคสพ. คิดว่าสมรักคือการได้สัมพันธ์กับคนรัก เป็นปัญหาโดยตัวเองมากทำให้คนไม่คิดว่าภารกิจปรับตัวต่อเนื่องรออยู่ข้างหน้า

คนที่คิดว่าศึกษากันก่อนเข้าสู่คสพ.เป็นการจัดการความเสี่ยงที่ดี ไม่ได้ตระหนักว่าคนแปรเปลี่ยนไปตามเวลา การศึกษาและปรับตัวเป็นเรื่องต่อเนื่อง

ฉากจบของหนังละครที่พระเอกนางเอกบอกรักกัน ไม่ได้บอกเราว่านี่คือจัดเริ่มต้นของการเรียนรู้และความกระวนกระวายอีกชุดหนึ่งต่างหาก

RT @jip_sg: การรักเฉยๆ หมือนเวลาเราอยากได้ของเล่น แล้วนั่งจ้องหน้าร้านเฉยๆ หรือเปล่าครับ// คนในหลางช่วงเวลาไม่ได้เอารักไปเชื่อมกบการครองครอง

RT @piriploy: กลัวไม่มีคู่ยิ่งนานไปสเปคเราลดลงด้วย// เปลี่ยนเสปคเพื่อให้ความเป็นไปได้สูงขึ้น อาจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับการจัดการใจตัวเอง

RT @gujee_gujee: อยากได้อะไรไม่เคยจ้องเฉยๆ มีไปลองบ้าง เหมือนลิปสติกสีสวยแต่ลองแล้วไม่เข้ากับตัวเอง// เปรียบแบบนี้น่าจะว้าวุ่นเพราะรักถี่มาก

RT @jitpntc: แต่นิยามความรักก็หลอกให้เราเชื่อว่ารักจริงคือมั่นคง น่าสนใจว่ารักจริงกับรักยืนยาว เหมือนกันไหม// เหมือนก็ได้ ไม่เหมือนก็ได้

รักจริงในความหมายของแต่ละคน อาจจะจริง ณ เวลาหนึ่ง แล้วก็แปรเปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไป รักจริงอาจไม่ยืนนาน และรักยืนนานอาจไม่เป็นอย่างที่เรานิยาม

RT @aueng_haha: ทำไมการที่อีกฝ่ายถึงทำร้ายความรู้สึกกันได้ บอกให้ตัดใจ // เพราะเขาเป็นทุกข์กับสภาพที่เป็นอยู่ เรารับได้ไหมว่าเขาทุกข์

RT @panparnpaan: ปัญหาที่เกิดจากความรักส่วนใหญ่เพราะเราให้ "นิยาม" เกี่ยวกับความรักไม่ตรงกันหรือเปล่าคะ?// นิยามและคาดหวังไม่ตรงกันค่ะ

RT @nene_kritta: อาจเป็นเพราะ"รัก" เป็นเรื่องของความรู้สึก เลยไม่มีนิยามที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับนิยามของแต่ละคน// คนมักลืมว่ารักเป็นเรื่องของใจ

RT @TORBCC: คนทั่วไปมักมองคสพ.ว่าแข็งทื่อไม่หลากหลายยืดหยุ่น// คนไปยึดติดกับ "พิมพ์นิยม" ของความรักและคสพ. ไม่ยอมมองว่าเฉพาะเจาะจงของตัวเอง

RT @jitpntc:คสพ.ในฐานะคนรักเมื่อพัฒนาก็มีคสพ หลายชุด ผสมปนกันไป ป็นเพื่อน เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นเมีย เป็นศัตรู// รักและเกลียดแยกออกจากกันยากนะ

เรารำคาญหรือเบื่อคนรักในบางเวลาได้ไหม การรำคาญแปลว่าไม่รัก? หรือในคสพ.เราต้องอยู่กับมุมที่น่ารัก/ไม่น่ารักของคนรัก รำคาญบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

RT @jitpntc: อาจต้องหาฉากจบแบบ กลกามแห่งความรัก มาเสนอเยอะ มีพื้นที่ให้คนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงของตัวเอง :)// ทวิตรักพยายามจะเป็นพท.นั้น

RT @piriploy: ทวิตของอาจารย์ทำให้หนูนึกถึงโรมิโอจูเลียตที่มันโรแมนติกเพราะมันยังไม่เริ่มชีวิตรักกันจิง// รักแท้คือรักที่ตายไปโดยไม่ได้บอกรัก

RT @NudnaNud: ทุกคนรักโดยหวังสิ่งตอบแทนใช่มั้ยคะ// ความรักมีตัวเรานำหน้าเสมอ เราอยากให้รักเป็นอย่างใจเรา แต่กับเชื่อว่ารักคือการให้

RT @urssw: ความรักใช้เหตุผลได้จริงๆเหรอคะ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเพราะคิดว่าเป็นเรื่องของอารมณ์เป็นใหญ่// เป็นเรื่องใจและอารมณ์ค่ะ

RT @folkswaken: แล้วความรักของอาจารย์นิยามว่าไงหรอครับ ฮี่ๆๆ =D// คงนิยามไม่ต่างจากคนอื่น เพราะถูกหล่อหลมอด้วยกติกาเดียวกัน

ความเชื่อว่าความรักคือการให้ ทำให้คนมองการแลกเปลี่ยนและการอยากได้อย่างใจในความรักอย่างหวาดระแวง โดยลืมไปว่าความรักเกิดได้เพราะมี "ตัวฉัน"

การคิดใคร่ครวญเรื่องรัก ไม่ได้แปลว่าเหตุผลชนะรักชนะใจได้ แต่เป็นการเข้าใจความว้าวุ่นและความเจ็บช้ำเพราะรักของเราโดยเหตุผลและใจไปพร้อมกัน

RT @Nithiwadeeh: สุดท้ายแล้วชีวิตคู่ที่ยืนยาวเป็นเพราะรักแท้หรือความผูกพันกันแน่คะ// ความผูกพัน+ความเคยชินและแรงเฉือยค่ะ

RT @BloodyPotion: หนูไม่เคยนึกอยากมีแฟน หนูตายด้านรึเปล่าคะ -_-"// ไม่อยากมีแฟนไม่ได้แปลว่าตายด้านเพียงแต่ไม่อยากเข้าสู่คสพ.แบบหนึ่งเท่านั้น

RT @saju423: รักแท้คือรักที่ตายไปโดยไม่ได้บอกรักคุณหญิงกีรติ กับ นพพร?/ รักแบบฝันๆและมีระยะห่างอะไรๆเลยดูดีไปหมดไง และตายไปก่อนรักจืดด้วย

RT @jn_bibie: พยายามใช้เหตุผลในการอธิบายความรัก ผลคือเราคล้ายๆกับจะเข้าใจ// เรารักด้วยใจและถูกจำกัดโดยกติการัก เข้าใจกติกาและทุกข์ของตัวเอง

เรามักจะดูแคลนความรักและคนที่ทุกข์เพราะรัก เพราะทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของใจ เราพยายามเอาชนะรักโดยเหตุผล เพื่อจะรู้ว่าอย่างไรก็ไม่ชนะ

"ทวิตรัก" ชวนให้เข้าใจความรู้สึกรักที่ถูกกำกับและจำกัดโดยกติการัก ทำให้เราคาดหวังและมองความรักแบบที่เป็นอยู่ ทำให้ว้าวุ่น

"กระวนกระวายเพราะรักเธอ" คงไม่ใช่ยารักษาอาการว้าวุ่น แต่ชวนตรวจสอบใจและความว้าวุ่นของตัวเอง และจะอยู่กับความว้าวุ่นนี้อย่างไรดี

RT @aueng_haha: คือเค้าทนเราไม่ไหวหรอคะ การอยู่ไกลกัน มันคงเจออะไรกับสิ่งใหม่ๆ แล้วก็ลืมคนที่ไกล// ใจคนมีไว้เปลี่ยนนะคะ

RT @kaeweird: รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาเจอคนที่รักค่ะ;(// อาจเป็นเพราะเราอยากให้เขาเห็นเราในมุมที่ดีหรือน่ารัก เป็นอาการของหลายคนนะคะ

RT @noot010: ถ้าต้องตัดใจละคะ// การจัดการกับความว้าวุ่นในความรักและคสพ.มีหลายวิธี ตัดใจก็เป็นวิธีหนึ่งค่ะ

RT @noot010: แต่คงยากเกินจะทำคะ เพราะอีกคนเค้ายังวนเวียนในชีวิตเรา// การสร้างระยะห่างหรือไม่ต้องเจอกันตรงๆจะช่วยได้มากเพื่อตัดความเคยชินเดิม

@nene_kritta การแยกความสนใจกับการตื่นใจเมื่อแรกรักทำได้ยากในหลายกรณี แต่คิดว่าความรัก ณ เวลานี้เริ่มต้นที่ "ตา" กันเยอะนะคะ

ผู้ร่วมสนทนา @EllisaKoshinaka @jip_sg @daiizyeye @onsarawutt @fwdmo @TORBCC @Tum_Marut @Panipui @gujee_gujee @intrarattan @Thanchy_Rw @jn_bibie @Going_Jasmine @saju423 @aueng_haha @nene_kritta @NudnaNud @urssw @Nithiwadeeh @BloodyPotion @kaeweird @noot010