มีคำถามส่งมาว่าด้วยการสานสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ขอตอบให้ร่วมกันอ่าน+ร่วมกันคิด เพราะอาจจะสอดคล้องกับประสบการณ์ของหลายคนที่งงงันปนปวดใจกับการสร้างสัมพันธ์ออนไลน์
มีคนมา “ชวนคุย”
ผ่านช่องทางสื่อสารอย่าง “WhatsApp” “Facebook” “MSN” ฯลฯ บ่อยๆ ครั้งละนานๆ ต่อเนื่องกัน เรียกว่าเป็นการ “คบ” กันหรือไม่
ทำไมหลายคนที่ชอบคุยกับเราผ่านช่องทางแบบนี้จึงไม่อยาก “คุย” กับเราตัวเป็นๆ
ไม่ยอมโทรมาหา ไม่ยอมนัดเจอ อาการก้ำกึ้งแบบนี้แปลว่าอะไร
เราเป็นคนพิเศษในชีวิตของเขาหรือไม่
ถ้าไม่ชอบอาการจะห่างก็ไม่ห่าง
จะใกล้ก็ไม่ใกล้แบบนี้จะทำอย่างไรดี
เมื่อความสัมพันธ์ไม่ได้ดังใจ
เรามักตั้งคำถามว่าทำไมเขาจึงไม่น่ารักกับเราในวิถีที่เราอยากให้เขาเป็นและทำ โดยไม่ถามตัวเองต่อไปด้วยว่ารู้คำตอบแล้วได้อะไร
คำถามที่ควรจะถามและใคร่ครวญน่าจะเป็นว่า
เรารู้สึกอย่างไรกับท่าทีเช่นนั้น และควรจะจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร
เวลาที่ Social
Media รุ่งเรืองเฟื่องฟูแบบนี้
คนมากมายใช้ช่องทางสื่อใหม่ในการติดต่อสานสัมพันธ์กับคนที่น่าสนใจ โดยมีข้อได้เปรียบคือการจัดการรักษาระยะห่างได้ตามความสะดวกของตัวเอง
เราเลยได้เห็นอาการใกล้ออนไลน์ –
ห่างออฟไลน์ หรือสนิทสนมแบบเสมือนจริงโดยไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกันตัวเป็น ๆ
อาการประมาณนี้ทำให้หลายคนจัดที่ทางไม่ถูกว่าคนที่ตัวเองใกล้ชิดในสื่อสังคมควรจะเป็นอะไรในชีวิตจริง
บางคนพอใจจะสนิทสนมและดำเนินความสัมพันธ์แบบเสมือนจริงนี้ไปเรื่อย
ๆ เพราะข้อจำกัดในชีวิตจริง (เช่นมีลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว – เรื่องนี้ดูจะเป็นข้อจำกัดหลักของชายชนชั้นกลางไทย
ทำให้ไม่สานสัมพันธ์ออฟไลน์กับหญิงที่ตัวเองไปกระลิ้มกระเหลี่ยออนไลน์)
บางคนพอใจจะดี้ด้าออนไลน์โดยไม่อยากรับความรับผิดชอบและหน้าที่ปฏิบัติของการมีแฟนในชีวิตจริง
ก็เลยรักษาระยะห่างในการติดต่อที่จะสร้างความยุ่งยากเกินความสะดวกที่ตัวเองจะยอมรับได้
เราเลยได้เห็นอาการแชทหวานฉ่ำแต่นิ่งสนิทไม่สานต่อแบบตัวเป็นๆ
อย่าลืมว่าโลกออนไลน์เป็นพื้นที่ให้เราหลบหนีจากปัญหา
ความทุกข์และความไม่สมบูรณ์ของชีวิตประจำวัน
อะไรที่ทำออนไลน์กับออฟไลน์จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกันอย่างสอดคล้อง
ในที่สุดแล้ว
การพยายามหาคำอธิบายว่าทำไมคนจึงทำอย่างที่เขาทำอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้
ลองถามตัวเองดีไหมว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้เราเป็นสุขดีอยู่หรือ
(ถ้าเป็นสุขคงไม่ถาม “ทวิตรัก” ลองนะ) ถ้าปวดหัวนักก็ถอยดีกว่า
แต่หลายคนก็ไม่สามารถจะถอยไปเฉย
ๆ เพราะความเคยชินกับแบบแผนละครหลังข่าว ที่ต้องมีเริ่มต้นและฉากจบให้ชัดเจนรู้เรื่อง
ก็เลยพยายามเคลียร์โดยบอกอีกฝ่ายว่า “ฉันจะไปแล้วนะ” โดยทั่วไปเมื่อได้ยินอะไรประมาณนี้
เราจะเห็นอาการยื้อตามมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ปวดหัวต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ
คนที่บอกคนรักว่าทนไม่ไหว
ไม่อยู่ด้วยแล้ว มักจะยังไม่ถึงจุดแตกหักจริง เพราะถ้าจะไปก็คงไปเลยโดยไม่ต้องรอให้คนรักยินยอมเลิก
เวลาความสัมพันธ์ไม่เวิร์ค
เราแต่ละคนเป็นฝ่ายตัดสินใจเดินจากไปได้เสมอ แต่มักจะรอให้อีกฝ่ายเลือกเดินจากไป
การเลิกกับคนรักต้องอาศัยแรงใจมากมาย
ถ้าความสัมพันธ์ไม่เป็นสุขก็ถอยมาอย่ายื้อจะดีกว่าไหม
เก็บแรงใจไว้จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกตัวเองจะดีกว่า
อันที่จริง
ความสัมพันธ์แบบเสมือนจริงเช่นนี้น่าจะทำให้การเดินถอยห่างจากมาง่ายขี้น เพราะไม่ต้องเห็นหน้าเห็นตาปะทะสังสรรค์กันในชีวิตจริงให้ต้องลำบากใจ
เมื่อความสัมพันธ์เริ่มแบบเสมือนจริงก็จบแบบเสมือนจริงบ้างคงดี
Unplug/Offline
หายไปไม่วนเวียน ถอยมาถนอมใจตัวเองจะดีกว่า
อย่าลืมว่าในความรัก-ความสัมพันธ์
ตัวเราไม่ได้หายไปไหนแม้จะให้ความสำคัญกับคนรักมากมาย
ตัวเรา-ใจเราก็ยังสำคัญที่สุด ปล่อยให้แหลกสลายไปก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายดีขึ้นได้
อะไรที่มันเกิดออนไลน์
ก็ทิ้งไว้ในพื้นที่ออนไลน์ต่อไป ใช้ชีวิตออฟไลน์ให้เป็นสุขจะดีกว่า...