วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อำนาจของเพศวิถีกระแสหลัก

คำถามนศ.มธ.ว่าทำไมเขาไม่สามารถหลุดจากกรอบของเพศวิถีกระแสหลักได้ กรอบราชาชาตินิยมที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แต่หลายคนสามารถหลุดจากกรอบดังกล่าวและมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทำไมคนจึงหลุดจากกรอบนี้ได้ง่ายกว่าเพศวิถีกระแสหลัก?? ขอแบ่งปันคำตอบให้ได้ร่วมกันคิด

ข้าพเจ้าตอบคำถามนี้ในพื้นที่สาธารณะเพื่อชวนคิดต่อ ดังนี้

คนเราถูกตรึงอยู่โดย “กรอบ” หลายกรอบที่พยายามกำกับพฤติกรรมของเรา การยอมตามเป็นไปทั้งโดยวิธีการบังคับโดยความรุนแรง กฎหมาย แรงกดดันของสังคม ฯลฯ หลายครั้งที่การยอมตามเป็นเพราะความละมุนและแยบยลของการกำกับบังคับ

ยิ่งละมุนก็ยิ่งสยบยอมไม่ตั้งคำถาม ยอมทำตามกติกานั้น ๆ แม้จะต้องสละความต้องการและฝืนใจตนเอง ยอมเจ็บลึกน้ำตารินโดยอิ่มใจว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับและพร้อมสู้ตายเพื่อปกป้องกรอบที่บีบรัดเราโดยละมุน รวมถึงไม่ลังเลที่จะประณามคนอื่นที่ไม่ยอมทำตามกรอบ

“กรอบ” มากมายไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อ ค่านิยม หรือกำกับบังคับภายนอก แต่ถูกหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ “ตัวตน” ของเรา โลกของเราดูเป็นเช่นนี้ผ่านโยงใยซับซ้อนของกรอบเหล่านี้ การลืมตาขึ้นมองผลของการกำกับโดยกรอบในหลายเรื่องเจ็บปวดและสั่นคลอนโลกของเรานัก อยู่กับมายาของกรอบต่อไปสบายกว่าพยายามตัด/เฉือนบางส่วนของตัวตน ยิ่งประกอบกับความละมุนของกรอบด้วยแล้ว หลายคนไม่คิดแม้จะดิ้นให้หลุดจากกรอบ

หลายเรื่องใกล้ใจของเรา ทำให้กรอบทรงพลังเกินกว่าการตั้งคำถาม คนจำนวนไม่น้อยเคลื่อนไหวต่อสู้กับกรอบเพศวิถีกระแสหลัก (การแบ่งชาย – หญิงอย่างเข้มงวด และการจำกัดเซ็กส์ไว้ในการแต่งงานแบบผัวเดียว – เมียเดียว – รักเดียวใจเดียว ที่มีความรักแบบโรแมนติคเป็นฐานสำคัญ) อย่างแข็งขัน แต่ถูกกรอบเล่นงานสะบักสะบอมในชีวิต “ส่วนตัว” ไม่ว่าจะเป็นการคาดหวังและนิยามตนเองตามกรอบเมื่อมีความรักความสัมพันธ์ หรือถูกเรียกร้องบังคับให้เล่นบทตามกรอบโดยคนที่รัก เพราะอยากให้เขารักตอบหรือเพราะอยากรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้จบสิ้น ทำให้หลายคนดิ้นหนีกรอบเรื่องเพศได้ยาก

กรอบเพศวิถีกระแสหลักเป็นส่วนสำคัญที่ประทับเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา หลายเรื่องในกรอบใกล้ “ใจ” เรามาก ทำให้เรากระเพื่อมไหวรุนแรงโดยอารมณ์ + ความคาดหวังว่าด้วยความรักความสัมพันธ์ แต่กรอบเพศวิถีกระแสหลักก็ช่างละมุน สุขทุกข์เพราะรักและความสัมพันธ์ปนเปกันจนแยกไม่ออก กลายเป็นความหฤหรรษ์ปนเจ็บปวดที่หลายคนไม่อยากตั้งคำถามหรือลืมตามอง

กรอบความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ถามมานั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างตัวตนบนฐานความเป็นไทย กรอบที่ว่านี้เคยมีมนต์ขลังและแสนละมุนด้วยความเอื้ออาทรและเมตตา เป็นไปได้ว่ามนต์ขลังจะลดลงไปมากสำหรับคนที่จดจำความละมุนในอดีตไม่ได้ แต่เห็นการบังคับโดยเปิดเผยผ่านกฎหมายและการลงโทษเป็นหลัก การรวมศูนย์ของกรอบทำให้คนหลายกลุ่มมีแนวโน้มจะกล่าวโทษและโยนปัญหาทั้งหลายทั้งปวงในสังคมการเมืองนี้ไปที่ศูนย์กลาง องค์ประกอบประมาณนี้ทำให้คนหลายกลุ่มคิดว่าตนเองหลุดจากกรอบนี้แล้ว แต่คนอีกมากมายยังผูกพันตนเองกับกรอบที่เป็นศูนย์กลางของการนิยามตัวตนของพวกเขา โดยความทรงจำเกี่ยวกับความละมุนของกรอบเอง

เข้าใจว่ามนต์ขลังและความละมุนในการกำกับการเห็นโลกและพฤติกรรมของเรา + ความใกล้-ไกล “ใจ” ของกรอบทั้งสอง ณ เวลานี้ ทำให้บางคนคิดว่าการดิ้นหลุดจากกรอบเพศวิถีกระแสหลักเป็นไปได้ยากกว่า แต่การจะหลุดจากกรอบไหน อย่างไรขึ้นอยู่กับความเฉพาะเจาะจงของแต่ละคนด้วย

ที่น่าสยดสยองคือ คนที่คิดว่าตัวเองได้หลุดพ้นจากกรอบบางกรอบแล้ว อาจไม่ได้ตระหนักว่ากรอบที่ว่านั้นประทับตรึงเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน และออกอาการบีบบังคับให้เกิดอาการปางตายได้ในเวลาที่นึกไม่ถึง บางทีการด่วนสรุปว่าเราหลุดจากอะไรแล้วอาจทำให้การประเมินพลังของกรอบผิดไปมากก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น