วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

The Dream

คุณเชื่อไหมว่ามี “เนื้อคู่” ของคุณรอคุณอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งในโลกนี้ แล้ววันหนึ่งคุณทั้งสองจะได้พบกัน และใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นสุข ชนิดถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่มักจะอวยพรคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานแบบไทย ๆ

เราโตมากับ “ความฝัน” แบบนี้ เราได้ยินได้ฟังเรื่องทำนองนี้ซ้ำ ๆ จากนิทาน นิยาย หนังโรง หนังทีวี ที่มักจะจบด้วยฉากพระเอกนางเอกที่ดูดีเหมาะสมกันทั้งรูปโฉม ความเก่ง และความดีงาม ได้สมหวังในความรักอันสมบูรณ์แบบ เรื่องราวแบบเดิม ๆ นี้ถูกเล่าซ้ำ โดยอาจจะเปลี่ยนรายละเอียดของพระเอกนางเอกไปบ้าง แต่ดูแล้วหวานสนิทจนต้องเคลิ้ม แล้วถึงกับเชื่อย่างจริงจังว่า วันหนึ่งเราจะเจอคู่ของเราบ้าง เมื่อวันนั้นมาถึงเราคงจะเป็นสุข ไม่แพ้พระเอกนางเอกในนิทานหรือนิยายเลยทีเดียว

ฉากในความฝันของเราออกมาคล้าย ๆ กันทำนองนี้ว่า ในวันที่สวยงามวันหนึ่งเราจะเจอ “Mr. Right” หรือ “Miss Right” ที่เพียงได้สบตาก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ๆ วิ่งพล่านไปทั่วร่าง โลกที่เคยมืดมนอึมครึมก็พลันสดใส ราวกับความทุกข์นานาของมนุษยชาติได้จบสิ้นลง จิตใจที่แห้งผากก็พลันอิ่มเอม ณ เวลานั้นเราได้รู้ทันทีว่าคนนี้แหละ ใช่เลย และก็สิ้นสุดการแสวงหาเสียที ต่อจากนี้ไปชีวิตของเราจะสมบูรณ์และ “เต็ม” ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป (อ่านแล้วพยายามรู้สึกหวานซึ้งหน่อยนะ บังเอิญ Lilith ก็ไม่ค่อยถนัดเขียนอะไรโรแมนติกเสียด้วย ถนัดแต่อะไรโหด ๆ น่ะ)

แต่ในชีวิตจริงของเรา อะไร ๆ มันไม่ยักง่ายอย่างในความฝัน ไม่มีใครมีชีวิตรักเรียบง่ายแบบนั้นสักคน หลายคนมีประสบการณ์ของการพบรักแล้วก็เลิกกันไปหลายครั้งหลายหน เหมือนนิยายเรื่องยาวที่มีทั้งรักเศร้าเคล้าน้ำตา หรือเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นปนกับโศกนาฎกรรมใหญ่เล็กต่าง ๆ นานา ที่จะว่าไปแล้วมันหยดกว่าละครทีวีเสียอีก

สาวน้อยและสาวไม่น้อยจำนวนมากบอกว่า ในชีวิตนี้เจอแต่ “Mr. Wrong” ให้ต้องปวดหัวและปวดใจแล้วก็จบสิ้นกัน เพื่อจะเจอ “Mr. Wrong” คนต่อไป วนเวียนเป็นแพทเทิร์นซ้ำซากอยู่อย่างนี้ บางคนไม่เจอใครเลยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “Mr. Right” หรือ “Mr. Wrong” มีแต่ความว่างเปล่าที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นแบบไหน ดูเหมือนความฝันของเราจะไม่เป็นจริงเสียที น่าเศร้าปนสมเพทตัวเองจริง ๆ

คำอธิบายที่ Lilith ได้ยินได้ฟังมักจะเป็นประมาณนี้ พวกที่เจอหนุ่มโหดปนเลวมักจะโทษตัวเองว่าไม่รู้จักดูคนให้ดี ปล่อยให้ความหน้ามืดหรือความหลงเข้าครอบงำจนเห็นซาตานเป็นเทพบุตร บางคนที่เกิดอาการซวยซ้ำซาก เจอแต่คนผิดมาทั้งชีวิต ก็โทษเวรกรรมที่ทำมาแต่ชาติปางก่อนทำให้ไม่มีโชคในเรื่องความรัก (เอ... แต่กรรมแบบนี้แก้กันได้ไม่ใช่เหรอ???) คิดได้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน สบายใจดี

สาวโชคร้ายหลายคนโทษตัวเองว่าไม่ดีหรือบกพร่อง ทำให้หาแฟนไม่ได้ หรือหาได้ก็ค่อนไปทางเลวสุดขีด คำอธิบายแบบนี้ทำให้เจ้าดัวอมทุกข์และต้องดิ้นรนเพื่อจำทำให้ตัวเองน่าสนใจ ดึงดูดใจชาย คิดแล้วก็เหนื่อยแทน แต่เข้าใจได้ว่าความพยายามที่เห็นเป็นเพราะเจ้าตัวเขายังมีหวัง

ในขณะที่บางคนก็โกรธแค้น “Mr. Wrong” และมองว่าเป็นเพราะผู้ชายไม่ดีไม่เข้าท่า ทำให้เราต้องลำบากเดือดร้อน เพราะผู้ชายไม่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้หญิง หรือมีความแตกต่างจากผู้หญิงมากจนสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง (เป็นคำอธิบายแบบ “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” ไง) หรือบางคนก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ไม่มีความรับผิดชอบ เอาแต่ได้ และเราก็โชคร้ายบังเอิญมาเจอคนแบบนี้เข้า ก็เลยต้องลำบากแบบนี้แหละ แต่พวกเธอเหล่านี้ก็ยังเชื่อว่า สักวันจะหมดทุกข์หมดโศก โขคดีเสียที ที่ผ่านมานั้นยังไม่ใช่คู่แท้ เลยต้องแคล้วคลาดกันไป แต่ถ้าได้เจอเนื้อคู่ ก็จะไม่ต้องเจอกับปัญหาหรือความยากลำบากเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อีกแล้ว

ที่ผู้คนยังพากันยึดมั่นกับความฝันเวอร์ชั่นเดียวแบบนี้ อาจเป็นเพราะโลกนี้ออกจะอยู่คนเดียวได้ยาก เราถูกบังคับให้ต้องอยู่กันเป็นคู่ เพราะใคร ๆ ในสังคมนี้ก็อยู่เป็นคู่กันทั้งนั้น และอะไรต่ออะไรที่คนเขาทำกันก็ไม่ค่อยเอื้อต่อการทำคนเดียวนัก ไหนจะความเหงาสุด ๆ ที่ไม่เข้าใครออกใครอีก การไม่มีคนอยู่ด้วยจึงเป็นเรื่องยาก ทำให้คนยึดติดอยู่กับความฝันว่า วันหนึ่งเราจะเจอหนึ่งเดียวคนนั้นของเรา

น้อยคนนักที่จะหันไปพิจารณาว่า สิ่งที่เราฝันนั้นเป็นจริงได้ยาก จะมีมนุษย์คนไหนในโลกนี้ได้อย่างใจเราไปทุกอย่าง ตัวเรายังทำให้ตัวเองไม่พอใจได้ในหลายเรื่องหลายเวลาเลย คนที่เราเล็งว่าจะเป็น “คนนั้น” ของเรา อาจมีหลายอย่างไม่ถูกใจ แต่ก็มีอีกหลาย ๆ อย่างที่ดีด้วยเช่นเดียวกัน คงต้องหักกลบลบหนี้เอาเองว่าพอไหวหรือเปล่า หรือจะผ่านไปป้ายหน้า

คนประเภท “The One” หรือหนึ่งเดียวคนนี้มีอยู่ก็แต่ในความฝันของเราเท่านั้น คนที่เดินไปเดินมาในโลกรอบตัวอาจจะดูเหมือนที่เราฝันไว้ แต่เขาหรือเธอก็เหมือนได้ในบางเวลาหรือบางแง่มุมเท่านั้น Mr. Right เป็น Mr. Right ได้บางเวลา แต่อีกหลาย ๆ เวลาก็กลายเป็น Mr. Wrong ไปได้เหมือนกัน

นี่ไม่ได้กำลังบอกให้ลดเสป็คลงหรอกนะ แต่คนที่เราคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เราเฝ้าคอยมาทั้งชีวิต เขามีแง่มุมต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเขาอย่างสลับซับซ้อน ถ้าจะให้ดีก็น่าจะมองเขาให้เต็ม ๆ ตาว่าเขาเป็นอย่างไร พอจะมีอนาคตบ้างหรือเปล่า แทนที่จะหลับหูหลับตายึดภาพฝันตามความคาดหวังของเราเป็นหลัก ถ้าคุณกำลังทำเช่นนั้น แปลว่าคุณกำลังหลงรักจินตนาการที่คุณสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่คนจริง ๆ คนนั้นหรอก สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความผิดหวังอย่างแสนสาหัส เมื่อคนนั้นเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวัง

เพราะความฝันเวอร์ชั่นอมตะนิรันดร์กาลบอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ถ้าคนคนนั้นเป็นคู่แท้ของคุณก็ต้องเข้ากันได้หรือไปกันได้ดีอย่างไม่มีปัญหา ถ้าคุณเชื่อเช่นนั้น คุณกำลังถูกหลอก! ก็คุณกับพี่น้องท้องเดียวกันยังไม่เหมือนกันหรือไม่ถูกกันเลย แล้วคนคนนั้นของคุณเป็นคนอื่นแท้ ๆ จะให้เข้ากันเป๊ะง่าย ๆ เชียวหรือ

ในที่สุดแล้ว ถ้าอยากให้ฝันเป็นจริงก็ต้องใช้เวลาและความพยายามทำความรู้จักคนนั้นในแบบที่เขาเป็น และเรียนรู้ที่จะปรับเข้าหากันตลอดเวลา เพราะคนแต่ละคนรวมทั้งตัวเราด้วยสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ในแต่ละช่วงเวลา แต่ที่น่าเวียนหัวไปกว่านั้นก็คือ จะทำอย่างไรไม่ให้คนใดคนหนึ่งสูญเสียตัวตนไป เพราะยอมตามอีกฝ่ายไปทุกเรื่องทุกอย่าง จนไม่เหลืออะไรเป็นของตนเอง นี่ก็ทรมานไปอีกแบบนะ โดยเฉพาะเมื่อได้ตระหนักในภายหลังว่าการยอมสูญเสียตัวตนไม่ได้ทำให้เป็นสุขหรือผูกพันคนที่ตนเองรักไว้ได้คู่แท้ที่จะอยู่กันได้แบบในความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้เกิดขึ้น ไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นเองได้ง่าย ๆ

คนที่เคยผ่านเส้นทางอันยากลำบากนี้มาแล้วตั้งข้อสังเกตว่า การมีคู่ไม่ต่างอะไรกับการซื้อลอตเตอรี่ คือคุณอาจจะถูกรางวัลหรือต้องเสียเงินเปล่า ในที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรแน่นอน แม้ว่าจะพยายามกันเต็มที่แล้วก็ตาม

หลายคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้อาจจะรู้สึกว่า Lilith ลืมคุณไปหรือเปล่า เพราะคุณแสวงหามาทั้งชีวิตก็ยังไม่มีใครให้ได้ออกแรงสร้างความสัมพันธ์ด้วยเลย ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายมองข้ามคนอื่น ก็ถูกคนอื่น ๆ มองข้าม ยิ่งเวลาล่วงเลยไปก็ยิ่งน่าสยดสยองว่าอาจจะต้องอยู่คนเดียว ไม่ได้มีชีวิตแบบที่ ‘The Dream’ ให้ภาพไว้เป็นแน่แท้

ถ้าคุณกลุ้มใจเพราะเหตุนี้ ก็ขอให้ลองมองตัวเองดี ๆ ว่าที่คุณกลุ้มและกลัวนั้นเป็นเพราะความต้องการของคุณเองแท้ ๆ หรือเพราะคุณกำลังรู้สึกว่าชีวิตของคุณไม่สอดคล้องกับอภิมหาความฝันที่คนอื่น ๆ เขามีร่วมกันแน่ บางทีการไม่มีจของคุณก็อาจจะเป็นอะไรที่ดีในชีวิตก็ได้ เพราะคุณไม่ต้องดิ้นรนและลงทุนลงแรงเหมือนคนที่พยายามจะให้ความฝันเป็นความจริงก็ได้นะ

เอาเข้าจริงความฝันนี้ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรอก บางทีคุณอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่หลุดไปจากพล็อตของความฝันก็ได้ โดยที่ไม่ใช่ความผิดของคุณด้วย แต่เป็นความบกพร่องของความฝันต่างหากที่คับแคบเหลือเกิน และไม่ได้รวมคุณเอาไว้ด้วย
ลองตั้งคำถามกับ ‘The Dream’ บ้าง บางทีชีวิตของคุณจะดีขึ้นและรู้สึกผิดหวังกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตน้อยลง เพราะในที่สุดแล้ว คุณอาจจะเห็นว่าเรื่องรักโรแมนติกนี่มันไม่โรแมนติกหรอกนะ กลับเป็นเรื่องยากเสียอีกที่จะรักษามันไว้

และถ้าคุณยังเชื่อว่าความรักทำให้อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย หรือความรักเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้วละก็ คุณกำลังฝันอยู่...

(Lilith's Voice, แพรวสุดสัปดาห์)

2 ความคิดเห็น:

  1. ความรักเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างคนสองคน (หรืออาจจะมากกว่าสองคนในกรณีที่มีญาติโกโหติกาเข้ามาร่วมแจม) ทีมเวิร์คจะรุ่งหรือจะรอดก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอีกต่างหาก เอาไปเปรียบกับการถูกล็อตเตอรี่มันก็อาจจะได้ เพราะได้เงินมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนั้นจะหมู่หรือจ่าอยู่ดี

    ตอบลบ
  2. "ถ้าคุณกลุ้มใจเพราะเหตุนี้ ก็ขอให้ลองมองตัวเองดี ๆ ว่าที่คุณกลุ้มและกลัวนั้นเป็นเพราะความต้องการของคุณเองแท้ ๆ หรือเพราะคุณกำลังรู้สึกว่าชีวิตของคุณไม่สอดคล้องกับอภิมหาความฝันที่คนอื่น ๆ เขามีร่วมกันแน่" < ประโยคนี้ มันเหมือนที่ผมคิด และเคยต้องคิดกับตัวเอง และตอบคำถามคนในครอบครัวว่า ทำไมเราไม่ดูพยายามอยากจะมีความรัก แสวงหาใคร หรืออะไรสักอย่างเข้ามาในชีวิตเลย เพื่อนๆเองก็เป็นตัวกดดันทางอ้อมที่เข้ามาบังคับให้รู้สึกเหมือนกับว่า "หรือว่ามันต้องมีใคร" แต่จริงๆแล้วเมื่อคิดกับตัวเอง เราก็ไม่ได้อยากมีใคร แต่ที่อยากมีใคร ก็เพราะสังคมมันมี และเขาอยากให้เรามี แต่เราก็อยู่ได้โดยไม่ตาย สิ่งที่ขาดยากกว่า "ความรัก" คือ "กิจกรรมทางเพศ" มากกว่า ><" เพราะความรัก ขาดแล้วไม่ดิ้นรน แต่อีกอัน มันลงแดงได้

    ตอบลบ