วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Romantic Fool

คุณทำอะไรได้บ้างเพื่อความรัก

บางคนคงจะตอบในใจว่า ขึ้นอยู่กับรักใคร ถ้าเป็นรักตัวเองละก็ ทำทุกอย่างได้อยู่แล้วใช่ไหม แต่ถ้าทาร์เก็ตของความรักเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวคุณเองล่ะ คุณยินดีจะทำอะไรให้เขาหรือเธอบ้าง

เชื่อไหมว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ทำอะไรได้ทุกอย่าง สละได้แม้เกียรติยศชื่อเสียง การงานอาชีพ หรือแม้แต่ครอบครัว พ่อแม่อันเป็นที่รัก เพื่อคนที่รัก ซึ่งดูจะสำคัญที่สุดและมาก่อนอะไรทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือเจ็บปวดแค่ไหนก็ยอมได้ คุณ ๆ คนอ่านบางคนอาจจะรู้สึกมหัศจรรย์กับความเป็นผู้ให้และทุ่มสุดตัวของคนหลายคนว่าอะไรจะขนาดนั้น เพราะตัวเองไม่เคยเป็นฝ่ายให้ใครเลย ชอบแต่จะรับ ขณะที่คนมีอาการเช่นนี้คงไม่ประหลาดใจเลย และออกจะเจ็บลึก ๆ เมื่อคิดถึงเรื่องทำนองนี้ด้วยซ้ำ

หนุ่มน้อยรายหนึ่งเรียนหนังสืออยู่แถวบางนา แต่ไปหลงรักสาวไกลขนาดต้องขับรถข้ามไปถึงสามจังหวัด เพราะโรงเรียนของสาวน้อยเธออยู่ไกลถึงปทุมธานี เพื่อความรักหนุ่มจึงยอมโดดเรียนและเบี้ยวนัดเพื่อนฝูงเพื่อจะไปรับไปส่งและใช้เวลากับสาวน้อยของเขาทุกวัน เอาเป็นว่าเวลาของเขาทั้งหมดยกให้เธอคนเดียว หรือเธอมาก่อนเสมอ

หนุ่มน้อยขับรถข้ามจังหวัดไปมาเช่นนี้อยู่เป็นแรมปีจนทั้งสองฝ่ายเรียนจบ โดยระหว่างเรียนหนุ่มก็จุนเจือสาวน้อยในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปด้วย เพราะฝ่ายสาวฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก เมื่อเรียนจบก็ยังช่วยส่งเสียสาวสุดที่รักให้ได้เรียนต่อ และยังดูแลไม่ให้เธอต้องยากลำบากด้วย แบบว่าพี่มีแต่ให้ยังไงยังงั้น

แต่สาวน้อยคนนี้เธอดูจะแปลก ๆ อยู่นะ เธอไม่ค่อยจะรักษาน้ำใจหนุ่มของเราเลย ทั้งดุทั้งด่าและงอนสุดฤทธิ์สุดเดชเมื่อไม่ได้อย่างใจ ดูเหมือนไม่ค่อยรักหนุ่มผู้แสนดีคนนี้ เลยทำให้หนุ่มน้อยของเราต้องคั้งคำถามในใจหลายครั้งหลายหน

เวลาผ่านไปอีกไม่นานนัก หนุ่มน้อยของเรา (และเพื่อน ๆ ที่คอยลุ้นอย่าง Lilith) ก็ได้คำตอบ เมื่อสาวน้อยเธอสารภาพว่าไม่ได้รักหนุ่มพ่อพระคนนี้หรอก และตั้งใจว่าจะแต่งงานกับคนที่เธอรัก (ตัวจริง) หลังจากจบปริญญาโทแล้ว

หนุ่มของเราแทบจะกระอักเลือดเลยทีเดียว เพราะยอมทุ่มทั้งเงิน เวลา และความรู้สึกอยู่หลายปี Lilith เห็นใจหนุ่มคนนี้เป็นที่สุด แต่ก็อดถามให้สะเทือนใจไม่ได้ว่า ทำไมถึงได้ทุ่มเทอย่างไม่ยั้งไม่เผื่อขนาดนั้น ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าที่ควรเลยนะเธอ หนุ่มน้อยคนนี้ตอบด้วยการยกนิยามของความรักที่ว่า ความรักคือการให้ และเมื่อรักแล้วก็ต้องให้อย่างเต็มที่โดยไม่หวังอะไรตอบแทน

คำตอบแบบนี้ ฟังแล้วทั้งเอียนทั้งทะแม่ง ๆ อย่างไรอยู่ Lilith เลยถามต่อว่า หนุ่มน้อยของเราทุ่มเททุกอย่างโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลยจริง ๆ หรือ หนุ่มน้อยผู้แสนดีบอกอย่างจริงใจว่า ไม่จริงหรอก พูดให้ฟังดีไปยังงั้นแหละ จริง ๆ แล้วหวังจะให้เขารักตอบน่ะสิ ถึงได้เจ็บจนแทบชักขนาดนี้

ไม่น่าเชื่อว่าความรักโรแมนติกเวอร์ชั่นที่ละครและนิยายหวานแหววแบบเน่า ๆ ช่างมีอิทธิพลกับความคิดความเชื่อของเราอย่างมากมายมหาศาลจริง ๆ คุณคนอ่านหลาย ๆ คนก็เชื่อเหมือนหนุ่มน้อยของ Lilith ไม่ใช่หรือว่า ความรักคือการให้ และเมื่อคุณรักใครแล้วก็ยอมให้ได้ทุกอย่างเหมือนกัน

หลายครั้งที่อ่อนล้าจากการเป็นผู้ให้แบบทุ่มเทสุดตัวสุดใจ คุณ ๆ บางคนอาจต้องถามตัวเองว่านอกจากความรักจะทำให้เราตาบอดแล้ว ยังทำให้เราโง่เง่าได้เพียงนี้เชียวหรือ เพราะการให้ของเราไม่ได้รับการตอบสนองที่ทำให้เราเป็นสุข แต่กลับทำให้เราต้องผิดหวังและเจ็บช้ำ ยิ่งโดนเข้าหลาย ๆ ครั้งก็ยิ่งตั้งคำถามกับนิยามที่ว่า ความรักคือการให้ ว่าถ้าให้อย่างเต็มที่แล้วได้แต่ความผิดหวังและเจ็บปวด จะให้ไปทำไมกัน นอกจากจะมีความสุขกับการทำร้ายตัวเอง

การให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งของโลกนี้ที่พูดง่าย แต่ทำยากเป็นที่สุด ที่เป็นและทำกันอยู่ในชีวิตนั้นเป็นอีกทางหนึ่งต่างหาก เพราะเราหวังจะได้ความรู้สึกดี ๆ ตอบจากคนที่เรารัก เราจึงทุ่มเทและยินดีเป็นฝ่ายให้กันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ยิ่งบางคนเชื่อด้วยว่า รักแท้เอาชนะได้ทุกอย่าง เลยยิ่งไปกันใหญ่ เพราะคิดว่าการทุ่มสุดตัวน่าจะทำให้ตัวเองได้อย่างที่หวัง

ความรักอาจจะเอาชนะอะไรได้หลายอย่าง รวมทั้งชนะใจคนบางคนที่ไม่รักเรา แต่ก็มีหลายกรณีที่ความรักเป็นฝ่ายแพ้ และคนที่ไม่รักเราอย่างไร ก็ไม่รักเราอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าเราจะทุ่มเทให้มากมายขนาดไหน แต่เพราะเราเอานิยามความรักคือการให้มาปนกับความเชื่อในความยิ่งใหญ่ของความรัก เลยทำให้หลายคนออกอาการ romantic fool ที่ดูเหมือนตาบอด ทุ่มเททุกอย่างได้เพื่อความรัก เหมือนที่มีคนเคยเปรียบเปรยว่า เส้นแบ่งระหว่างความรักแท้และความโง่อย่างบัดซบนั้นช่างบางแสนบาง จนบางครั้งดูเหมือนทั้งสองอย่างปนเปเป็นเรื่องเดียวกัน

ลองมาตั้งต้นคิดใหม่ทำใหม่กันดีกว่า ลองถามตัวเองให้ดี ๆ และตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณสามารถให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนได้จริงหรือ คุณยินดีที่เห็นคนที่รักเป็นสุข ไม่ว่าคุณจะเป็นทุกข์มากแค่ไหนจริงหรือ หรือว่าคุณเองก็ต้องการให้คนคนนั้นรักตอบ แบบว่าคุณรู้สึกต่อเขาอย่างไร ทุ่มเทให้มากแค่ไหน ก็อยากให้เขารู้สึกแบบเดียวกันนั้นกับคุณบ้าง

ถ้าคุณอยากได้ความรักตอบแทนจากการให้และการทุ่มสุดตัวของคุณ ก็อาจจะต้องมีอการเผื่อใจไว้บ้างในกรณีที่เรื่องราวมันไม่ออกมาอย่างใจ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พูดง่ายทำยากเหมือนกัน เอาเป็นว่าของอย่างนี้มีความเสี่ยงและไม่แน่นอนสูงมากนะ เรามีโอกาสจะได้ความรู้สึกดี ๆ ตอบ และอาจจะไม่ได้อะไรเลยเช่นกัน คนที่เคยผ่านประสบการณ์อย่างนี้ เขาบอกว่า บางที่ก็ต้องดูคนที่เป็นเป้าหมายของการทุ่มด้วยเหมือนกัน คนที่ทุ่มแล้วสมหวังก็เพราะเปาหมายของเขามีท่าทีตอบรับอยู่บ้างแล้ว แต่คนที่เขาไม่มีทีท่านี่สิออกจะลำบาก เพราะโอกาสไม่สมหวังดูจะสูงกว่า คุณยอมรับได้หรือเปล่าว่าความพยายามของคุณจะนำไปสู่ผลได้ทั้งสองทาง ไม่สมหวังก็ผิดหวัง

ความจริงที่เชื่อกันว่าความรักคือการให้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนักหรอก ถ้าเราบอกตัวเองได้ว่าเมื่อไรจะหยุดให้หรือหยุดทุ่ม ปัญหาของ romantic fool ก็คือ เขาและเธอไม่รู้หรือไม่ยอมรับว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วต้องหยุดทุ่มเสียที เพราะการเป็นฝ่ายให้ไปเรื่อย ๆ นั้นทำให้เกิดผลเสียทั้งต่อตัวเขาเองและคนที่เกี่ยวข้องได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางวัตถุหรือจิตใจ

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ romantic fool อาจโชคไม่ดีไปเจอคนที่นอกจากจะไม่รักแล้วยังหาประโยชน์จากเขาหรือเธอเสียอีก เหมือนที่หนุ่มน้อยผู้แสนดีของ Lilith เจอเข้านั่นไง คุณ ๆ บางคนอาจคิดว่าการหาประโยชน์แบบนี้เป็นการหลอกกันอย่างเลือดเย็น แต่ก็อย่าลืมว่า ความพยายามทุ่มเทและยินดีให้นี้เองเป็นจุดอ่อนให้เขาฉวยโอกาสเอาได้ เราเองก็เต็มใจอยากให้อยากทุ่มอยู่แล้วนี่ ความโชคร้ายนี้เองที่ทำให้ romantic fool ต้องเจ็บปวด แต่หลายคนก็ไม่ยอมเข็ดหรือหยุดการทุ่มนั้นหรอกนะ

การให้อย่างไม่มีขอบเขตแบบนี้ทำให้ romantic fool ต้องเดือดร้อนหรือสูญเสียมากมาย ไม่แต่เฉพาะทรัพย์สิน เงินทองและเวลา ยังเป็นเรื่องของความรู้สึกคนรอบข้าง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง เมื่อ romantic fool ทุ่มเทให้คนรักจนมองข้ามความรู้สึกของคนที่รักตน หลายคนเสียงานเสียการ บางคนสูญเสียความน่าเชื่อถือหรือชื่อเสียง

สาว ๆ หลายคนอยากให้ชายหนุ่มของตนรักไม่หนีไปไหน ถึงกับยอมมีอะไรกับหนุ่มคนนั้นโดยไม่มีการป้องกัน (เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ต้องคุยกันยาวอีกเหมือนกัน) หลายครั้งที่การทุ่มสุดตัวแบบนี้ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งหนุ่มไว้ได้ แถมสาวน้อยหลายคนได้ของแถมที่ตัวเองไม่ต้องการ เช่น ท้องโดยไม่ตั้งใจ กลายเป็นปัญหาใหม่ให้ต้องคิดและตัดสินโดยลำพัง บางคนติดโรคผ่านการร่วมเพศ อย่างกามโรคหรือเอดส์ ที่ความเสียหายอาจทำให้ต้องสูญเสียชีวิตได้

เพราะอย่างนี้คุณ ๆ ที่ชอบออกอาการ romantic fool ทั้งหลายจึงควรนึกถึงอะไรหลายอย่าง นอกจากจะต้องยอมรับว่าเรามีโอกาสผิดหวัง ไม่ว่าจะทุ่มมากมายแค่ไหน และคงต้องหยุดคิดเป็นระยะว่าถึงจุดที่จะถอยหรือยัง ของ (หรือคน) ที่ไม่ใช่ ทำอย่างไรก็ไม่ได้มาหรอกนะ

เมื่อรู้สึกว่าถึงเวลาถอยดีกว่า ก็คิดเสียว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว บังเอิญผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นอย่างใจเราเท่านั้น เอาไว้ลองดูใหม่คราวต่อไปก็แล้วกัน...

1 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยกับบทความนี้คะ เพราะเราต้องมีลิมิตกับการให้ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ให้เดินทางสายกลางดีที่สุดคะ

    ตอบลบ