วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตกหลุมรัก “ความรัก”

เพื่อนรักคนหนึ่งของ Lilith ชื่อ Helen (คนนี้เป็นแฟนกับเจ้าชายชื่อ Paris ไม่ใช่นางแบบหรือนางงามที่เรารู้จักหรอกนะ) ผู้แสนจะโชกโชนในเรื่องความรักความสัมพันธ์ เพิ่งจะมาปรับทุกข์ว่าเลิกกับแฟนคนล่าสุดเสียแล้ว และเศร้าจนเสียน้ำตาไปหลายหยด พร้อมกับบ่นเข็ดหลาบในความรัก เพราะความรู้สึกดี ๆ ในตอนแรก ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่อะไรที่ทั้งทุกข์ทั้งไม่สนุกเลย แถมยังโดน “ทิ้ง” เสียอีกทำให้เซ็งชีวิตและเบื่อตัวเองเป็นที่สุด

เวลาผ่านไปไม่นานนักเธอคนเดิมเริ่มจะบ่นอยากจะมีแฟนอีกแล้ว คราวนี้ลงทุนหาอะไรใหม่ ๆ ทำ ตั้งแต่เป็นสมาชิก Health Club ไปจนถึงเข้าถึงเธค – บาร์ – ผับ สารพัดรูปแบบ แถมยังคิดจะไปเรียนปริญญาโท เผื่อจะเจอผู้ชายดี ๆ มีคุณภาพบ้าง

Lilith ก็ช่วยลุ้นไปด้วยตามประสาเพื่อนที่ดี แต่ก็อดมหัศจรรย์ใจในอาการไขว่คว้าหาความรักอย่างเอาเป็นเอาตายของเพื่อนรักคนนี้ไม่ได้ คำอธิบายของเธอก็คือความรักทำให้เธอรู้สึกดี รู้สึกเต็มและมีชีวิต ในขณะที่การอยู่คนเดียวแบบไม่มีใคร (คือไม่มีแฟน) ออกจะเหงาและว่างเปล่า ไม่เต็มสมบูรณ์เหมือนมีใครบางคนในชีวิตเหมือนเวลามีความรัก

ว่ากันว่าผู้หญิงมักจะสวยขึ้นเมื่อมีความรัก ผิวพรรณก็ดีอะไรประมาณนั้น ดูเหมือนความรักจะทำให้เกิดอะไรดี ๆ หลายอย่าง แม้ว่าจะมีคำเตือนมากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่ไม่ดีของความรัก เช่นอาการไร้สติ ทำอะไรตามอารมณ์และเสียงานเสียการ ไปจนถึงการทำลายล้างเมื่อไม่ได้อย่างใจด้วย ก็อย่างที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าความรักทำให้คนตาบอดไง (จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนนักเมื่อไม่มีความรักหรอกนะ)

คงเพราะความรู้สึกดี ๆ หลายอย่างที่เราได้รับเมื่อมีความรัก ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากเกิดอาการติดความรักอย่างจริงจังเหมือนติดฝิ่นเลยนะ เขาและเธอเหล่านี้ถึงกับยอมทนกับการถูกรังแกทางกายทางใจสารพัดรูปแบบเพื่อที่จะรักษาคนที่คิดว่าตนเองรักไว้ แบบว่าร้ายยังไงก็รักเลยทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าพวกเราบางคนเจอกับอะไรแบบนั้นจากคนที่เราไม่ได้รู้สึกดีด้วยมาก ๆ คงได้มีการลงไม้ลงมือแสดงแสนยานุภาพให้เป็นที่ปรากฏไปแล้ว แต่เธอและเขาเหล่านี้กับยอมทน

เมื่อสูญเสียคนรักไปไม่ว่าจะเป็นเพราะทนไม่ไหวเลยต้องเลิกหรือเพราะถูกทิ้ง ก็ต้องรีบร้อนดิ้นรนหาคนใหม่มาเป็นเป้าหมายทดแทน เอาเป็นว่าขาดความรักไม่ได้เลยก็แล้วกัน
ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือหลายคนมีอาการเห็นเพียงแว็บเดียวก็รักแล้ว ไม่ต้องพูดจาทำความรู้จักก็ได้ และแว็บเดียวนี้เองทำให้คลั่งไคล้ใหลหลงอยากได้เธอหรือเขาคนนั้นมาเป็นของเรา และพร้อมจะทำทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา

เขาและเธอมีอาการหัวใจเต้นแรงเมื่อได้พบหรือเพียงแอบเห็นคน ๆ นั้น นอนไม่หลับกระสับกระส่าย เฝ้าแต่คิดถึงคนที่เป็นเป้าหมายในใจ แต่ก็ดูสดใสไม่ทรุดโทรม ใบหน้าเปล่งปลั่งสวยหรือหล่อขึ้นอีกต่างหาก ไม่เหมือนกับคนที่อดหลับอดนอนแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังออกอาการอารมณ์ดีตลอดเวลา จนยิ้มคนเดียวได้แบบเคลิ้ม ๆ ออกอาการใกล้เคียงคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

ก็นั่นแหละนะ คนฉลาดบางคนบอกว่าเส้นแบ่งระหว่างความรักแท้และความบ้าออกจะบางและลางเลือนมาก คนมีความรักจึงแสดงอาการแปลก ๆ ในสายตาของคนที่ชีวิตแห้งแล้งไม่มีความรักทั้งหลาย เราได้เห็นคนอื่นและตัวเราเองยอมทำทุกอย่าง สละได้ทุกอย่างโดยไม่นึกถึงสิ่งที่จะตามมาเพื่อจะให้ได้อยู่ใกล้ ได้เห็นหน้า หรือเพื่อจะทำให้คนที่เรารักมีพอใจ

เรื่องเล่ามากมายที่เราได้รับรู้เป็นเรื่องของอานุภาพของความรัก ที่เพราะความอยากจะได้สมปรารถนาทำให้เกิดความวินาศวอดวายกับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่เราพอจะคุ้นกันบ้างคงเป็นเวอร์ชั่นไทยปนแขกอย่างรามเกียรติ์ ที่ด้วยความรัก (ปิ้ง) นางสีดาทำให้ทศกรรณทุ่มสุดตัวจนวงศาคณายักษ์แทบล่มสลายเลยทีเดียว นี่ถ้านางสีดาเธอกลายเป็นแฟนกับทศกรรณเสีย ทศกรรณอาจจะเป็นฝ่ายเบื่อและบอกเลิกภายในสามเดือนหกเดือนก็ได้ ความรักที่ไม่ได้สมใจก็มีพลังอย่างนี้แหละ

(ขอนอกเรื่องสักนิดเถอะ พวกเราคงยังจำ “นางนาก” ได้ใช่ไหม คนที่ตายท้องกลมแล้วเป็นผีที่ถูกสร้างเป็นหนังให้พวกเราดูหลายรอบแล้วไง รอบล่าสุดก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมายมหาศาล พวกเราเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าคุณนากเธอเกิดไม่ตายตอนคลอดลูกจะเกิดอะไรขึ้น Lilith ว่าตาพ่อมากคงจะไปมีเมียน้อยอีกหลายคน ปล่อยให้คุณนากเลี้ยงลูกในตำแหน่งเมียหลวงอยู่กับบ้าน ไม่กลายเป็นเรื่องรักอมตะให้พวกเราต้องน้ำตาซึมเมื่อทั้งสองต้องลาจากกันอย่างที่เราได้ดูในหนังหรอก)

มีบางคนบอกว่าไอ้สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดี ๆ ได้ขนาดนั้น ไม่ใช่ความรักหรอกนะ แต่เป็นความหลงบวกความตื่นเต้นในอะไรใหม่ ๆ ต่างหาก แถมยังมีความรู้สึกมีค่าเป็นที่ปรารถนาของบางคนปน ๆ เข้ามาอีก เลยทำให้ทั้งเคลิ้มทั้งเพ้อกันได้ขนาดนั้น

แต่ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีมากกก….ขนาดนั้น…จะเป็นความรักหรือความหลง ก็ดูจะอายุไม่ยืนนัก (มีแต่ความรักที่ไม่สมหวังหรือไม่ได้มาเท่านั้นแหละที่จะเป็นอมตะอยู่ในใจเราตลอดไป) โดยเฉพาะเมื่อเรา “สมหวัง” คือได้คนที่เราไปตกหลุมรักมาเป็นของเราในฐานะแฟนหรืออะไรที่เป็นทางการกว่าแฟน ไม่นานนักหรอกอาการใจเต้นแรง นอนไม่หลับ พร่ำเพ้อละเมอหาก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทีนี้ละปัญหานานาประการจะเข้ามาแทนที่ กลายเป็นความปวดหัวปนน่าเบื่อหน่าย เพราะคนที่เราได้มาทำท่าจะเป็นคนละคนกับคนที่เราหลงรักเป็นบ้าเป็นหลังไปเสียแล้ว

ปัญหาและความทุกข์ที่จะตามมาหลังจากหมอกควันของความรักความหลงจางลงจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับโชคหรือเคราะห์ของแต่ละคน ถ้าโชคดีสักนิดปัญหาหลักก็จะเป็นเรื่องของการพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องหรือความเบื่อเมื่อคนที่เรารักไม่ได้อย่างใจ ต้องมีการทะเลาะเบาะแว้งปรับความเข้าใจกันบ่อย ๆ แต่สำหรับคนโชคร้ายที่ไปเจอคนไม่ค่อยจะได้เรื่องนัก แต่เราดันไปหลงรักเขาอย่างจับใจจนทำทุกอย่าง สละทุกอย่างให้ได้เพียงขอให้เธอหรือเขาคนนั้นเป็นสุข สิ่งที่ได้รับตอบแทนมาอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจ (หรือบางทีก็ร่างกายด้วย) อยู่ตลอดเวลาทั้งโดยคำพูดและการกระทำ ความรักสำหรับคนพวกหลังนี้กลายเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสไปในที่สุด

ตอนจบของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญและระดับความอดทนของแต่ละคน แต่เมื่อคนหลุดจากความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นสุขมาได้ไม่นานนักก็มักจะเริ่มมองหา “ความรัก” อีกแล้วพร้อมกับเชื่ออย่างจริงจังเสียด้วยนะว่าคราวต่อไปต้องดีกว่านี้แน่
คนหลายคนมีโอกาสเข้า ๆ ออก ๆ จากความรักความสัมพันธ์หลายครั้งหลายหนในช่วงชีวิตหนึ่ง ทำให้ได้รู้สึกถึงความเต็มตื้นหวานซึ้งของความรักในช่วงเริ่มต้น ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นปัญหาและความเจ็บปวดจนต้องถอยออกมาในที่สุด เพื่อที่จะไปมองหาคนใหม่และความรักใหม่เข้ามาแทนที่ กลายเป็นวงจรอุบาทว์อย่างไรอยู่ แต่ก็ไม่มีใครเข็ดหลาบอย่างจริงจังหรอกนะ คนส่วนใหญ่ก็ยังมองหาความรักและคนที่จะรักกันอยู่เหมือนเดิม ไม่ค่อยจะมีใครยอมทลายวงจรอุบาทว์ในชีวิตของตนเองกัน

ที่ความรักกลายเป็นเรื่องสำคัญและเราติดความรักกันงอมแงมขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้สึกดี ๆ ที่ทั้งสวยงามและอบอุ่นของการมีความรัก แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าสังคมของเราบังคับให้คนต้องอยู่กันเป็นคู่ ด้วยเหตุผลหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของการเลี้ยงและดูแลเด็ก คนที่ไม่มีคู่จึงออกจะอยู่ลำบาก เพราะความเหงา (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่จัดการได้ยากเช่นเดียวกัน)และขาดการสนับสนุนทางกายทางใจ ความจำเป็นเช่นนี้ผลักให้คนต้องมองหาคนเป็นเพื่อนใจเพื่อจะได้ไม่เหงาจนเกินไป โดยความเข้าใจผิดว่าการมีคู่ร่วมชีวิตจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับความเหงา หารู้ไม่ว่าการมีคู่ที่ไม่ค่อยเข้าท่านอกจากจะทำให้เหงาเหมือน ๆ กับคนไม่มีแฟนแล้วยังอาจจะต้องปวดหัวปวดประสาทมากกว่าเพราะปัญหาของความสัมพันธ์ด้วย แต่เพียงเพราะอยากมีคนอยู่ด้วย ไม่อยากอยู่คนเดียว ทำให้คนไม่เข็ดหลาบกับความรักความสัมพันธ์

แต่การโหยหาความรักและติดอยู่กับวงจรของความรักและการเลิกรักกับคนที่ผ่านมาในชีวิตหลาย ๆ คนเข้า ก็ทำให้บางคนเห็นว่าความรักแต่ละครั้งเป็นเรื่องของความรู้สึกแบบเดิม ๆ เพียงแต่คนที่เป็นจุดหมายหรือเป็นฝ่ายรับเปลี่ยนไป เราตื่นเต้น คิดถึง อยากอยู่ใกล้ อยากได้มา และไม่อยากเสียคนที่เรารักไปและอะไรทำนองนี้ที่เป็นแบบเดิม ๆ ทุกครั้งที่มีความรัก ดูเหมือนความรู้สึกรักของเราจะมีแบบเดียวแต่ผลิตซ้ำ ๆ เหมือนซีร็อกซ์หลาย ๆ หน บางทีคนที่เรารักอาจจะไม่ได้พิเศษหรือสำคัญนัก ใครก็ได้ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาในชีวิต ขอให้เราได้รู้สึกถึงอะไรดี ๆ ที่เป็นอาการของการมีความรักก็พอ ความรู้สึกของการมีความรักต่างหากที่ดึงดูดเราและทำให้เรารู้สึกดี จนโหยหาความรู้สึกเช่นนั้นอีก แม้ว่าจะถูกทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส ก็ยังอยากจะมีความรู้สึกดี ๆ ของการตกหลุมรักอีก เพราะในช่วงต้นเมื่อความตื่นเต้นและความพิเศษยังชัดเจนนั้น เรารู้สึกดีจริงๆ

เป็นไปได้ไหมว่าเราไม่ได้รักคนหรอกนะ แต่เราตกหลุมรักการได้รู้สึกรักต่างหาก เพราะความรู้สึกเช่นนั้นทำให้เรารู้สึกดีและมีชีวิต จนอยากจะรู้สึกเช่นนั้นอีกไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

แล้วคุณละ ตกหลุมรัก “ความรัก” อยู่เหมือนกันหรือเปล่า?…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น